อุบลราชธานี - ชาวบ้านอำเภอลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ ครึ่งร้อยชักแถวโวยอำเภอตรวจสอบพฤติกรรมผู้ใหญ่บ้านมุบมิบใช้จ่ายเงินเอสเอ็มแอล เงินกองทุนหมู่บ้านไม่โปร่งใส และอมเงินวัด ด้านปลัดอาวุโสรับหน้าจะรีบตรวจสอบ ถ้าผิดจริงปลดออกสถานเดียว
เมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่หน้าที่ว่าการอำเภอลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ นายทศพล แสงชาติ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ที่ 3 บ้านดงบัง ต.ดงบัง อ.ลืออำนาจ นำชาวบ้านประมาณ 50 คน เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนนายพันคำ ศรีสุข ผู้ใหญ่บ้านบ้านดงบังใช้อำนาจไม่ชอบ โดยนำเงินกองทุนหมู่บ้านที่ได้รับเพิ่มเติมจากรัฐบาลจำนวน 200,000 บาท ให้ชาวบ้านในกลุ่มของตนเองกู้ยืม โดยไม่ผ่านการทำประชาคมหมู่บ้าน
รวมทั้งนำเงินเอสเอ็มแอลก่อสร้างโรงงานใช้ผลิตปุ๋ยชีวภาพ โดยไม่มีการแจกแจงรายละเอียดการใช้จ่ายเงินอย่างโปร่งใส ทำการเบิกจ่ายเงินค่าเวรยามรักษาการณ์หมู่บ้าน แต่ไม่การเข้าเวรยามจริง และขายไม้ในที่สาธารณะ โดยอ้างว่าจะมอบเงินรายได้ให้กับวัด แต่เมื่อสอบถามกับทางวัดปรากฏไม่ได้รับเงิน รวมทั้งไม่ยอมชี้แจงการใช้จ่ายเงินที่ได้จากการจัดงานบุญประจำปีจำนวน 12,500 บาท ทำให้ชาวบ้านทนพฤติกรรมไม่ได้ จึงรวมตัวมาร้องเรียนให้ทางอำเภอ ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และหากนายพันคำทำผิดจริง ต้องปลดออกจากผู้ใหญ่บ้าน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่น
ต่อมานายสุพร ชาลี ปลัดอาวุโสอำเภอลืออำนาจได้มารับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้าน พร้อมรับปากจะเร่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายโดยเร็ว และถ้านายพันคำผิดจริง จะเสนอให้ปลดออกจากหน้าที่ทันที
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอทราบข้อเท็จจริงกับนายพันคำ ศรีสุข ผู้ใหญ่บ้านที่ถูกร้องเรียน แต่นายคำพันปฏิเสธไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวพบ โดยแจ้งว่าไม่พร้อมให้รายละเอียดและได้วางสายโทรศัพท์ไป
เมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่หน้าที่ว่าการอำเภอลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ นายทศพล แสงชาติ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ที่ 3 บ้านดงบัง ต.ดงบัง อ.ลืออำนาจ นำชาวบ้านประมาณ 50 คน เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนนายพันคำ ศรีสุข ผู้ใหญ่บ้านบ้านดงบังใช้อำนาจไม่ชอบ โดยนำเงินกองทุนหมู่บ้านที่ได้รับเพิ่มเติมจากรัฐบาลจำนวน 200,000 บาท ให้ชาวบ้านในกลุ่มของตนเองกู้ยืม โดยไม่ผ่านการทำประชาคมหมู่บ้าน
รวมทั้งนำเงินเอสเอ็มแอลก่อสร้างโรงงานใช้ผลิตปุ๋ยชีวภาพ โดยไม่มีการแจกแจงรายละเอียดการใช้จ่ายเงินอย่างโปร่งใส ทำการเบิกจ่ายเงินค่าเวรยามรักษาการณ์หมู่บ้าน แต่ไม่การเข้าเวรยามจริง และขายไม้ในที่สาธารณะ โดยอ้างว่าจะมอบเงินรายได้ให้กับวัด แต่เมื่อสอบถามกับทางวัดปรากฏไม่ได้รับเงิน รวมทั้งไม่ยอมชี้แจงการใช้จ่ายเงินที่ได้จากการจัดงานบุญประจำปีจำนวน 12,500 บาท ทำให้ชาวบ้านทนพฤติกรรมไม่ได้ จึงรวมตัวมาร้องเรียนให้ทางอำเภอ ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และหากนายพันคำทำผิดจริง ต้องปลดออกจากผู้ใหญ่บ้าน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่น
ต่อมานายสุพร ชาลี ปลัดอาวุโสอำเภอลืออำนาจได้มารับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้าน พร้อมรับปากจะเร่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายโดยเร็ว และถ้านายพันคำผิดจริง จะเสนอให้ปลดออกจากหน้าที่ทันที
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอทราบข้อเท็จจริงกับนายพันคำ ศรีสุข ผู้ใหญ่บ้านที่ถูกร้องเรียน แต่นายคำพันปฏิเสธไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวพบ โดยแจ้งว่าไม่พร้อมให้รายละเอียดและได้วางสายโทรศัพท์ไป