กาฬสินธุ์-เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์เรียกประชุมเจ้าคณะอำเภอ สรุปยังไม่ให้สึกพระเลขาฯ หลังถอดจีวรแต่งชุดลำรองซิ่งเก๋งพาสาวเที่ยวจนเกิดอุบัติเหตุ อ้างอาจถูกใส่ร้าย แค่ให้พ้นจากตำแหน่งชั่วคราว ทั้งที่มีบันทึกตำรวจชัดเจน แหล่งข่าวเชื่อพระฉาวยังดวงแข็ง เหตุมีผลประโยชน์เชื่อมโยงคนสำนักพุทธฯ จังหวัด
ความคืบหน้ากรณีพระมหาวีระชัย วชิโร เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (มหานิกาย)วัดกลางพระอารามหลวง ก่อเหตุถอดจีวรสวมชุดฆราวาสขับรถยนต์พาหญิงสาวไปเที่ยวจนประสบอุบัติเหตุเป็นคดีความ และพระราชศีลโสภิตหรือหลวงพ่อหนูอินทร์ เกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีาน เจ้าอาวาสวัดป่าพทธมงคล ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะรองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (มหานิกาย)ได้นำเอการบันทึกประจำวันขอตำรวจร้องเรียนผู้ส่อข่าวเพื่อเรียกร้องให้พระผู้ใหญ่ดำเนนการสึกพระมหาวีระชัย
ล่าสุดที่ห้องประชุมชั้น 4 วัดกลางพระอารามหลวง พระราชปรีชามุนี เจ้าอาวาสวัดกลางพระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดกาสินธุ์ (มหานิกาย) ได้เรียกประชุมเจ้าคณะอำเภอทั่วทั้งจังหวัด เพื่อดำเนินการสอบสวนตามวินัยสงฆ์ กรณีพะมหาวีระชัย วชิโร มีความประพฤติไม่เหมาะสม แต่การประชุมดังกล่าวไม่ยอมให้สื่อมวลชนที่ติดตามข่าวเข้าสังเกตการณ์ มีการล็อกประตูไว้อย่างแน่นหนา
ตามรายงานระบุว่าการประชุมครั้งนี้มีเจ้าคณะอำเภอเข้าร่วมประชุมทั้งหมด 16 อำเภอ โดยการประชุมได้มีมติให้พระมหาวีระชัยออจากตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นการชั่วคราว แต่ยังไม่มีมติให้ลาสิขาบทจากการเป็นพระ โดยอ้างว่าพระมหาวีระชัยอาจจะถูกใส่ร้าย ซึ่งการรายงานดังกล่าวขัดแย้งกับบันทึกประจำวันของเจ้าหน้าที่ตำวจ สภ.ยางตลาด จ.กาฬิสธุ์ ท้องที่ที่พระมหาวีระชัยขับรถพาหญิงสาวไปประสบอุบัติเหตุ
พ.ต.ท.เทพบดินทร์ ทรงหอม พนักงานสอบสวนในวันเกิดเหตุ ได้รายงานข้อเท็จจริงต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2553 โดยยืนยันว่า พระมหาวีระชัย หรือนายวีระชัย ศรหาพล ได้ประสบอุบัติเหตุและแต่งตัวเป็นฆารวาสจริง ซึ่งตำรวจ สภ.ยางลาด ก็พร้อมที่จะเดินทางเข้าไปยืนยันในเรื่องนี้
ด้านนายสมศักดิ์ แซ่ตั้ง ตัวแทนพระราชศีลโสภิต รองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ และัตัวแทนพุทธศาสนิกชนไ้ด้เดินทางไปให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์เพิ่มติม และยังได้นำประกาศของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม บัญชาการคณะสงฆ์แทนพระองค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2479 เกี่ยวกับ ภิกษุสามเณรเ็ขียนนามแสดงภาวะไม่แนนอนว่าเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ หรือมีการเซ็นชื่อว่าเป็นนายถือว่ามีความผิดตามพระมหาสมณวินิจฉัยต้องลาสิกขาทันที ดังนั้นการที่เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ยังไม่ยอให้ลาสิกขาจึงไม่เข้าใจว่าติดขัดอะไร
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับสูงระบุว่า ส่วใหญ่กรณีความประพฤติไม่เหมาะสมเกี่ยวกับพระนั้นหากเกิดขึ้นในระดับหมู่บ้านหรือระดับอำเภอ ก็จะต้องลาสิกขาบทหรือสั่งปาราชิกไปแล้ว แต่สำหรับพระมหาวีระชัย วชิโร มีตำแหน่งเป็นถึงเลขาฯ เจ้าคณะจังหวัด ที่เป็นไปได้ว่าจะมีผลประโยชน์จำนวนมาก จึงทำให้พระผู้ใหญ่ไม่กล้าที่จะตัดสินใจ โดยเพาะในรายนี้ทราบว่าีข้าราชการบางคนในสำนักงานพระพุทธศาสนาังหวัดกาฬสินธุ์ ทำหน้าที่จัดทัวร์และดูแลจ่ายเงินให้กับสามเณร ที่หากให้พระมหาีระชัยลาสิกขาบทก็จะไปกระทบกับผลประโยช์มหาศาลที่เกิดขึ้นจากเงินของการทำบุญและงบประมาณแผ่นดินที่มีการเอื้อผลประโยชน์กันอยู่ภายในคณะสงฆ์จังหวัดกาฬสินธุ์
ความคืบหน้ากรณีพระมหาวีระชัย วชิโร เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (มหานิกาย)วัดกลางพระอารามหลวง ก่อเหตุถอดจีวรสวมชุดฆราวาสขับรถยนต์พาหญิงสาวไปเที่ยวจนประสบอุบัติเหตุเป็นคดีความ และพระราชศีลโสภิตหรือหลวงพ่อหนูอินทร์ เกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีาน เจ้าอาวาสวัดป่าพทธมงคล ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะรองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (มหานิกาย)ได้นำเอการบันทึกประจำวันขอตำรวจร้องเรียนผู้ส่อข่าวเพื่อเรียกร้องให้พระผู้ใหญ่ดำเนนการสึกพระมหาวีระชัย
ล่าสุดที่ห้องประชุมชั้น 4 วัดกลางพระอารามหลวง พระราชปรีชามุนี เจ้าอาวาสวัดกลางพระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดกาสินธุ์ (มหานิกาย) ได้เรียกประชุมเจ้าคณะอำเภอทั่วทั้งจังหวัด เพื่อดำเนินการสอบสวนตามวินัยสงฆ์ กรณีพะมหาวีระชัย วชิโร มีความประพฤติไม่เหมาะสม แต่การประชุมดังกล่าวไม่ยอมให้สื่อมวลชนที่ติดตามข่าวเข้าสังเกตการณ์ มีการล็อกประตูไว้อย่างแน่นหนา
ตามรายงานระบุว่าการประชุมครั้งนี้มีเจ้าคณะอำเภอเข้าร่วมประชุมทั้งหมด 16 อำเภอ โดยการประชุมได้มีมติให้พระมหาวีระชัยออจากตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นการชั่วคราว แต่ยังไม่มีมติให้ลาสิขาบทจากการเป็นพระ โดยอ้างว่าพระมหาวีระชัยอาจจะถูกใส่ร้าย ซึ่งการรายงานดังกล่าวขัดแย้งกับบันทึกประจำวันของเจ้าหน้าที่ตำวจ สภ.ยางตลาด จ.กาฬิสธุ์ ท้องที่ที่พระมหาวีระชัยขับรถพาหญิงสาวไปประสบอุบัติเหตุ
พ.ต.ท.เทพบดินทร์ ทรงหอม พนักงานสอบสวนในวันเกิดเหตุ ได้รายงานข้อเท็จจริงต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2553 โดยยืนยันว่า พระมหาวีระชัย หรือนายวีระชัย ศรหาพล ได้ประสบอุบัติเหตุและแต่งตัวเป็นฆารวาสจริง ซึ่งตำรวจ สภ.ยางลาด ก็พร้อมที่จะเดินทางเข้าไปยืนยันในเรื่องนี้
ด้านนายสมศักดิ์ แซ่ตั้ง ตัวแทนพระราชศีลโสภิต รองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ และัตัวแทนพุทธศาสนิกชนไ้ด้เดินทางไปให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์เพิ่มติม และยังได้นำประกาศของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม บัญชาการคณะสงฆ์แทนพระองค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2479 เกี่ยวกับ ภิกษุสามเณรเ็ขียนนามแสดงภาวะไม่แนนอนว่าเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ หรือมีการเซ็นชื่อว่าเป็นนายถือว่ามีความผิดตามพระมหาสมณวินิจฉัยต้องลาสิกขาทันที ดังนั้นการที่เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ยังไม่ยอให้ลาสิกขาจึงไม่เข้าใจว่าติดขัดอะไร
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับสูงระบุว่า ส่วใหญ่กรณีความประพฤติไม่เหมาะสมเกี่ยวกับพระนั้นหากเกิดขึ้นในระดับหมู่บ้านหรือระดับอำเภอ ก็จะต้องลาสิกขาบทหรือสั่งปาราชิกไปแล้ว แต่สำหรับพระมหาวีระชัย วชิโร มีตำแหน่งเป็นถึงเลขาฯ เจ้าคณะจังหวัด ที่เป็นไปได้ว่าจะมีผลประโยชน์จำนวนมาก จึงทำให้พระผู้ใหญ่ไม่กล้าที่จะตัดสินใจ โดยเพาะในรายนี้ทราบว่าีข้าราชการบางคนในสำนักงานพระพุทธศาสนาังหวัดกาฬสินธุ์ ทำหน้าที่จัดทัวร์และดูแลจ่ายเงินให้กับสามเณร ที่หากให้พระมหาีระชัยลาสิกขาบทก็จะไปกระทบกับผลประโยช์มหาศาลที่เกิดขึ้นจากเงินของการทำบุญและงบประมาณแผ่นดินที่มีการเอื้อผลประโยชน์กันอยู่ภายในคณะสงฆ์จังหวัดกาฬสินธุ์