กาฬสินธุ์ - เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ส่ออุ้มพระมหาวีระชัย เลขาเจ้าคณะจังหวัดโดยอ้างว่ามีหลักฐาน ที่เชื่อได้ว่ามีกลุ่มบุคคลที่พยายามใส่ร้าย พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนวินัยสงฆ์ ขณะที่มีข่าวลือว่ามีความพยายามของคณะสงฆ์ที่จะเคลื่อนไหวปกป้องพระมหาวีระชัย ด้านผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา เตือนทุกกลุ่มควรตั้งสติและยุติไม่ให้ศาสนาเสื่อม
ความคืบหน้ากรณีพระราชศีลโสภิต หรือหลวงพ่อหนูอินทร์ เกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธมงคล ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะรองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(มหานิกาย)นำเอกสารบันทึกประจำวันของตำรวจร้องเรียนผู้สื่อข่าว เพื่อเรียกร้องให้พระผู้ใหญ่ดำเนินการสึกพระมหาวีระชัย วชิโร ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (มหานิกาย) วัดกลางพระอารามหลวง หลังมีความประพฤติไม่เหมาะสม
ล่าสุดนายบัณฑิต ชนะกาญจน์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำหนังสือรายงานขอเท็จจริงไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และขอให้ พระราชปรีชามุนี เจ้าคณะจังหวัด ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เนื่องจากขณะนี้มีข่าวลือว่า มีคณะสงฆ์บางกลุ่ม จะทำการเคลื่อนไหวปกป้องพระมหาวีระชัย นั้นเรื่องนี้ขอเตือนสติให้ทุกฝ่ายไม่ควรที่จะเคลื่อนไหว
เนื่องจากจะทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย เพราะในเบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบเอกสารจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยางตลาด ก็มีความชัดเจน แต่เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนา ก็คงะต้องให้เวลากับผู้ปกครองสงฆ์
ขณะที่ พระราชปรีชามุนี เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ฝ่ายมหานิกาย กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่ได้มีคำสั่งปลด พระมหาวีระชัย เลขาเจ้าคณะจังหวัด ออกมาเป็นรายลักษณ์อักษร เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นที่จะต้องมีการสืบสวน เนื่องจากในด้านของหลักฐานขณะนี้ พบว่า ในข้อเท็จจริง พระมหาวีระชัย ได้ไปในจุดเกิดเหตุจริง แต่เป็นการเดินทางไป 3 คน และมี คนขับเป็นทหารเกณฑ์ ที่ถือว่า พระมหาวีระชัย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ว่าได้
ขณะนี้คณะสงฆ์จะได้มีการตั้งกรรมการตรวจสอบและสืบสวนทางวินัย ที่จะต้องให้ความเป็นธรรม ส่วนผลจะออกมาอย่างไรนั้น คาดว่าในวันพรุ่งนี้ พระมหาวีระชัย เลขาเจ้าคณะจังหวัดที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจแทนเจ้าคณะจังหวัดก็จะกลับมาให้คำตอบที่ชัดเจนอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยางตลาด พบว่า ตามบันทึกประจำวันรวมถึงคดี ยังคงยืนยันว่า คนขับรถที่ไปชนกับร้านไก่ย่างเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2552 นั้น คือ พระมหาวีระชัย ที่เดินทางไปสองต่อสองกับผู้หญิง โดย พนักงานสอบสวนพร้อมที่จะยืนยันและชี้ตัวคนขับรถหากมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
ความคืบหน้ากรณีพระราชศีลโสภิต หรือหลวงพ่อหนูอินทร์ เกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธมงคล ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะรองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(มหานิกาย)นำเอกสารบันทึกประจำวันของตำรวจร้องเรียนผู้สื่อข่าว เพื่อเรียกร้องให้พระผู้ใหญ่ดำเนินการสึกพระมหาวีระชัย วชิโร ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (มหานิกาย) วัดกลางพระอารามหลวง หลังมีความประพฤติไม่เหมาะสม
ล่าสุดนายบัณฑิต ชนะกาญจน์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำหนังสือรายงานขอเท็จจริงไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และขอให้ พระราชปรีชามุนี เจ้าคณะจังหวัด ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เนื่องจากขณะนี้มีข่าวลือว่า มีคณะสงฆ์บางกลุ่ม จะทำการเคลื่อนไหวปกป้องพระมหาวีระชัย นั้นเรื่องนี้ขอเตือนสติให้ทุกฝ่ายไม่ควรที่จะเคลื่อนไหว
เนื่องจากจะทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย เพราะในเบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบเอกสารจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยางตลาด ก็มีความชัดเจน แต่เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนา ก็คงะต้องให้เวลากับผู้ปกครองสงฆ์
ขณะที่ พระราชปรีชามุนี เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ฝ่ายมหานิกาย กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่ได้มีคำสั่งปลด พระมหาวีระชัย เลขาเจ้าคณะจังหวัด ออกมาเป็นรายลักษณ์อักษร เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นที่จะต้องมีการสืบสวน เนื่องจากในด้านของหลักฐานขณะนี้ พบว่า ในข้อเท็จจริง พระมหาวีระชัย ได้ไปในจุดเกิดเหตุจริง แต่เป็นการเดินทางไป 3 คน และมี คนขับเป็นทหารเกณฑ์ ที่ถือว่า พระมหาวีระชัย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ว่าได้
ขณะนี้คณะสงฆ์จะได้มีการตั้งกรรมการตรวจสอบและสืบสวนทางวินัย ที่จะต้องให้ความเป็นธรรม ส่วนผลจะออกมาอย่างไรนั้น คาดว่าในวันพรุ่งนี้ พระมหาวีระชัย เลขาเจ้าคณะจังหวัดที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจแทนเจ้าคณะจังหวัดก็จะกลับมาให้คำตอบที่ชัดเจนอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยางตลาด พบว่า ตามบันทึกประจำวันรวมถึงคดี ยังคงยืนยันว่า คนขับรถที่ไปชนกับร้านไก่ย่างเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2552 นั้น คือ พระมหาวีระชัย ที่เดินทางไปสองต่อสองกับผู้หญิง โดย พนักงานสอบสวนพร้อมที่จะยืนยันและชี้ตัวคนขับรถหากมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
