กาฬสินธุ์ - พ่อเฒ่าเมืองน้ำดำโวยบริษัทขายเครื่องใช้ไฟฟ้า หลังส่งไปรษณีย์หลอกไปรับรางวัลกว่า 10 รายการ แต่ต้องเสียภาษี 5 % และเสียค่าบริการอื่นรวม 17,000 บาท ด้านสบค.กาฬสินธุ์เตรียมเข้าตรวจสอบ
วันนี้( 22 ม.ค.)นายหนูเทียน จากชัยภูมิ อายุ 69 ปี ราษฎรบ้านห้วยเตย หมู่ 5 ต.เว่อ อ.ยางตลาด เข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือกับ พ.ต.ท.เพชรรัตน์ ศรีเมือง สว.หัวหน้าสถานีสภ.นากุง และร.ต.อ.ธนสิทธิ์ นาสมตรอง ร้อยเวร สภ.นากุง หลังถูกหลอกให้ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทชุดเครื่องเสียง จำนวน 10 รายการ โดยเรียกร้องให้ตัวแทนจำหน่ายสินค้า ยี่ห้อหนึ่ง คืนเงินจำนวน 17,000 บาทที่ตนชำระไปด้วย
นายหนูเทียน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา ตนได้รับจดหมายปิดผนึก ประทับตราไปรษณีย์ ส่งมาจากบริษัทนาโนอิเลคตริค ผู้แทนจำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อหนึ่ง สำนักงานตั้งอยู่ถนนแก่งสำโรง ตรงข้ามศาลหลักเมือง ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ โดยข้อความในจดหมายระบุว่าตนเป็นลูกค้าคนหนึ่งซึ่งโชคดี จากการจับสลากชิ้นส่วนสินค้า ที่ส่งชิงโชคกับทางบริษัท เมื่อปี พ.ศ.2530 ขอให้นำครอบครัวเดินทางมาจับสลากลุ้นรับรางวัลที่บริษัท
นายหนูเทียน กล่าวต่อว่า ตนไม่เคยส่งชิ้นส่วนสินค้าชนิดไหนไปลุ้นรางวัล แต่พอมานึกว่าอยู่ดีๆ ก็มีจดหมายนำโชคมาเรียกไปจับสลากลุ้นรับรางวัล ก็คิดว่าน่าจะลองดู จึงชวนภรรยากับลูกไปด้วยกัน 4 คน พอไปถึงบริษัทฯ ตามสถานที่ที่แจ้งมาในจดหมาย มีพนักงานบริษัทฯ 5 คนออกมาต้อนรับ ก่อนที่จะให้จับสลากเพื่อลุ้นรับรางวัล ซึ่งเป็นชุดมินิเธียเตอร์ และเครื่องเล่นวีซีดีคาราโอเกะ โดยตนจับเป็นคนแรกแต่ไม่ได้รางวัล ส่วนภรรยาจับรางวัลเป็นคนที่ 2 ครั้งนี้โชคดีได้รับรางวัลเป็นชุดมินิเธียเตอร์
ขณะที่ลูกอีก 2 คนจับได้รางวัลเป็นเครื่องเล่นวีซีดีคาราโอเกะ รวมจำนวน 10 รายการ พนักงานบริษัทบอกว่า ผู้ได้รับรางวัล จะต้องชำระภาษี 5% ของมูลค่าสินค้า และจะต้องชำระค่าดำเนินการอื่นๆ เพื่อที่จะเข้าไปลุ้นโชคชั้นที่ 2 ซึ่งเป็นรถยนต์และรางวัลใหญ่อีกหลายรายการ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 6 มี.ค.จะถึงนี้ ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ รวมเงินที่ตนจะต้องชำระในขั้นต้นจำนวน 17,000 บาท
นายหนูเทียน เล่าอีกว่า ตอนแรกตนไม่มีเงินพอที่จะชำระในตอนนั้น จึงต่อรองว่าวันหลังจะนำมาชำระให้ครบ แต่พนักงานบริษัทบอกว่าต้องจ่ายในวันนี้ เพราะเป็นเงื่อนไขของบริษัท ไม่เช่นนั้นถือว่าสละสิทธิ์ จึงแสดงความหวังดีโดยจะนำรางวัลที่ได้จากการจับสลากไปส่งถึงบ้าน และตนได้กลับบ้านเพื่อไปยืมเงินของเพื่อนบ้านมาเป็นค่าหักภาษี และค่าบริการเป็นเงินจำนวน 17,000 บาทตามที่พนักงานบริษัทเรียกร้อง
นายหนูเทียน กล่าวอีกว่า เมื่อพิจารณาดูแล้วเห็นว่า รางวัลที่จับได้เป็นสินค้าด้อยคุณภาพไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป และไม่มีความจำเป็นที่จะใช้สินค้าเหล่านั้น อีกทั้งพฤติกรรมของพนักงานบริษัท ก็ส่อหลอกลวงให้ซื้อสินค้า และยังเรียกรับเงินค่าดำเนินการอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก จึงได้ตัดสินใจนำสินค้าทั้งหมดมาที่ สภ.นากุงเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ ช่วยติดต่อตัวแทนจำหน่ายสินค้าหรือตัวแทนบริษัท มาเจรจาเพื่อคืนเงินและรับคืนสินค้า
ซึ่งหากตกลงกันได้ตนจะไม่ติดใจแจ้งความ เพราะตนเป็นคนแก่ สุขภาพไม่ค่อยดี ไม่สะดวกที่ขึ้นโรงขึ้นศาล และขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นอุทาหรณ์เตือนชาวบ้านทั่วไป ให้ระวังจะหลงกลถูกหลอกให้ซื้อสินค้าด้วยเล่ห์เหลี่ยมดังกล่าว
ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานไปยังบริษัทดังกล่าวต่อมามีหญิงสาวคนหนึ่ง ขับรถเก๋งมาที่ สภ.นากุงพร้อมเพื่อน แสดงตัวว่าเป็นเพื่อนสนิทกับผู้จัดการบริษัทนาโน ซึ่งไปธุระต่างจังหวัด ไม่สามารถเดินทางมาเจรจากับนายหนูเทียนได้ จึงมอบหมายให้ตนมาดำเนินการแทน และยอมรับข้อเสนอตามที่นายหนูเทียนต้องการ พร้อมคืนเงินจำนวน 17,000 บาท และยินดีรับสินค้ากลับไป
จากการสอบถามหญิงสาวคนดังกล่าวยืนยันว่า ตนไม่มีหุ้นส่วนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว ดังนั้นพฤติกรรมของพนักงานขายสินค้า หรือกลยุทธ์การตลาดของบริษัทฯจะเป็นอย่างไรนั้น ตนไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ เป็นแต่เพียงตัวแทนนำเงินมาคืนและรับสินค้ากลับไปเท่านั้น
ร.ต.อ.ธนูสิทธ์ นาสมตรอง ร้อยเวรสภ.นากุง กล่าวว่า ถึงแม้พฤติกรรมของพนักงานหรือตัวแทนบริษัทฯ ดังกล่าว จะเข้าข่ายฉ้อโกง หลอกลวง พฤติกรรมเหมือนคดีที่เกิดขึ้นที่ต่างจังหวัด แต่ในเมื่อนายหนูเทียนในฐานะผู้บริโภค มีความประสงค์เพียงจะบอกว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้า และไม่พอใจที่จะรับสินค้า โดยต้องการให้เจ้าหน้าที่ช่วยไกล่เกลี่ย โดยไม่ติดใจแจ้งความ และสุดท้ายคู่กรณีสามารถตกลงกันได้ เจ้าหน้าที่ก็เพียงบันทึกเป็นหลักฐานประจำวันเท่านั้น จึงไม้ได้อายัดของกลางหรือแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ
ขณะที่ พ.ต.ท.เพชรรัตน์ ศรีเมือง สว.หัวหน้าสภ.นากุงกล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้น เป็นอุทาหรณ์ให้ประชาชนทั่วไป ได้มีความรอบคอบก่อนที่จะซื้อสินค้า หรือใช้บริการอื่นๆ จากเซลส์ที่นำสินค้ามาเสนอ ที่มีรูปแบบการขายหรือหวังจำหน่ายสินค้าด้วยสิ่งจูงใจที่หลากหลาย หากไม่รู้เท่าทัน หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็อาจจะถูกลวงให้เสียทรัพย์หรือหมดตัวได้
จึงเป็นประเด็นทุกคนจะต้องเฝ้าระวัง หากมีจดหมายดังกล่าวมาถึงตน หรือพบเบาะแสหรือมีกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมดังกล่าวเข้าในพื้นที่ อย่าได้หลงเชื่อ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทันที
ด้านนายศุภศิษฎ์ กอเจริญยศ เจ้าหน้าที่ สคบ.จังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นไปทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แม้ผู้เสียหายยังไม่ได้ร้องเรียนหรือแจ้งความดำเนินคดี แต่ทาง สคบ.จังหวัดกาฬสินธุ์ จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบว่ามีการลอกลวงผู้บริโภค มีการโฆษณาเกินจริงหรือไม่ ทางซึ่งหากพบว่ามีจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบบริษัทดังกล่าวหลังเกิดเรื่องได้เปิดขายสินค้าเป็นปกติ แต่ในวันที่ 22 มกราคม 2553 ได้ปิดร้านไม่จำหน่ายสินค้า