เชียงราย – รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง เผยงบไทยแข้มแข็งกระจายแล้ว 3 หมื่นล้าน รอจ่ายอีกร่วมแสนล้าน เชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามเป้า ยันถึงวันนี้ยังไม่พบปัญหา เชื่อกฎเหล็ก นายกฯ ไม่ทำให้เกิดทุจริตแน่
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า นางอุไร ร่มโพธิ์หยก รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ได้นำคณะผู้บริหารจากกรมบัญชีกลาง พร้อมทั้งสำนักงานคลังภาคและคลังจังหวัดทั่วประเทศ เดินทางปลูกป่าที่โรงเรียนบ้านกลาง ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เมื่อ 21 ม.ค.53 ตามโครงการปลูกป่าคืนสู่ธรรมชาติต้ำน้ำจัน-แม่สลองเพื่อถวายองค์ภูมินทร์และสร้างความสามัคคี รวมทั้งลดภาวะโลกร้อนให้กับองค์กรและชุมชนที่อยู่ตามชนบท เพื่อสร้างชุมชนไทยให้เข้มแข็งตามนโยบายของรัฐบาล
หลังการปลูกป่านางอุไร กล่าวว่า กรณีงบไทยเข้มแข็งนั้น ได้มีการกำหนดให้จัดสรรงบประมาณลงสู่พื้นที่ทั่วประเทศจำนวน 2 งวด งวดแรกกำหนดเอาไว้ที่ประมาณ 199,000 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันการดำเนินการของสำนักงบประมาณได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 105,000 ล้านบาท จากนั้นจะมีการจัดสรรไปตามภูมิภาคต่างๆ ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 30,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามเป้าที่ตั้งเอาไว้
“ตอนนี้ถ้าหน่วยงานในภูมิภาคหน่วยใดได้จัดทำแผนดำเนินโครงการตามโครงการไทยเข้มแข็งเอาไว้แล้ว ก็สามารถนำงบประมาณดังกล่าวไปปฏิบัติงานได้ทันทีโดยไม่ขัดข้อง สำหรับกรณีที่อาจจะมีการจัดสรรงบประมาณลงไปช้าในบางเรื่อง ก็คงจะเกี่ยวกับรายละเอียดที่จะต้องพิจารณาในแต่ละโครงการเท่านั้น” นางอุไร กล่าวและว่า
ส่วนที่หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงในเรื่องของการทุจริตในโครงการ ตนยืนยันว่าไม่น่าเป็นห่วง เพราะทางกรมบัญชีกลางได้อาศัยผู้ตรวจสอบภายในของแต่ละกรมช่วยสอดส่องดูแลการดำเนินการทุกโครงการย่อยเอาไว้แล้ว และจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ก็ไม่พบปัญหาแต่อย่างใด
หลังจากได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจไปเมื่อเร็วๆ นี้แล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการกำชับให้ทุกฝ่ายได้ดูแลเรื่องการเบิกจ่ายตามโครงการเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เพราะโครงการส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับการลงทุนในทางหลวงชนบท กรมชลประทาน ซึ่งจะช่วยให้คนในพื้นที่ชนบทได้รับประโยชน์ ดังนั้น ทุกอย่างต้องตรวจสอบได้
ด้านนายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่า เชียงราย ได้รับการอนุเคราะห์จากกรมทางหลวงชนบท ในการจัดสรรงบประมาณลงสู่พื้นที่เป็นจำนวนมากโดยงวดแรกได้กว่า 300 ล้านบาท และเชื่อว่าจะได้รับมากกว่านี้ ทำให้ในปัจจุบันมีโครงการก่อสร้างถนนสายต่างๆ ในพื้นที่ซึ่งสร้างประโยชน์อย่างมากมาย