นครพนม-คณะอาจารย์-นักศึกษาวิทยาลัยทคนิคนครพนมฮือประท้วงค้านจังหวัดฮุบที่ดินสาธารณประโยชน์พัฒนาสนามกอล์ฟ เอื้อเอกชนเล่นแร่แปรธาตุโกยเงิน
นายสมัย สามิต คณบดีวิทยาลัยเทคนิคนครพนมเปิดเผยว่าขณะนี้คณาจารย์ และนักศึกษาได้รวมตัวชุมนุมประท้วงพร้อมประกาศเจตนารมณ์ และยื่นหนังสือคัดค้านกรณีจังหวัดนครพนมทำเรื่องเสนอต่อกระทรวงมหาดไทยขอถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์สนามกอล์ฟภูกระแต เนื้อที่ 506 ไร่ ซึ่งอยู่ภายในวิทยาลัยฯ เพื่อจัดตั้งศูนย์พัฒนากีฬาจังหวัดนครพนมของศูนย์การท่องเที่ยวกีฬาและนันทนาการพูดง่ายๆ คือ จะเอาที่ดินสาธารณประโยชน์แห่งนี้พัฒนาเป็นสนามกอล์ฟอย่างเต็มรูปแบบ โดยฝ่ายเอกชนเข้ามาบริหารเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
วิทยาลัยฯมองว่าจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาการศึกษาวิทยาลัยเทคนิค เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่วิทยาลัยเทคนิคเคยทำเรื่องขอถอนสภาพจากที่ดินสาธารณประโยชน์ มาเป็นพื้นที่ของวิทยาลัยเทคนิคต่อกระทรวงมหาดไทยมาตั้งแต่ปี 2519 แต่จนถึงปัจจุบันเรื่องยังไม่คืบหน้าแต่ล่าสุดทางจังหวัดกับทำเรื่องเอง เพื่อขอถอนสภาพที่ดินดังกล่าวจัดตั้งศูนย์พัฒนากีฬาจังหวัดนครพนม ถือเป็นการทำเรื่องทับซ้อน ที่จะทำให้วิทยาลัยเทคนิค เสียประโยชน์ในการใช้สถานที่เพื่อการศึกษา ที่จะส่งผลกระทบต่อการดูแลพื้นที่ภายในวิทยาลัยเมื่อมีหน่วยงานอื่นเข้ามาใช้ประโยชน์จึงได้ออกมาชุมนุมคัดค้าน ให้หน่วยงานเกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนใหม่
นายสมัย สามิต คณบดีวิทยาลัยเทคนิคนครพนม กล่าวถึงปัญหาอีกว่า สำหรับปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์ภูกระแต มีปัญหามายาวนานร่วม 30 ปี แต่เดิมในอดีตพื้นที่สาธารณประโยชน์ภูกระแต ได้ใช้เนื้อที่จัดตั้งเป็นวิทยาลัยเทคนิค มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2519 มีเนื้อที่ทั้งหมดจำนวน 506 ไร่ ประกอบด้วยพื้นที่ใช้ประโยชน์ประมาณ 403 ไร่ เป็นอ่างเก็บน้ำ ประมาณ 57 ไร่ และพื้นที่เหลือใช้ปรับปรุงพัฒนาทำเป็นสนามกอล์ฟประมาณ 346 ไร่
จนมีประชาชนมาใช้บริการจำนวนมากและพ่อค้าเอกชนบางกลุ่ม ในคราบนักการเมืองเริ่มเห็นผลประโยชน์ตรงจุดนี้จึงได้มีการขับเคลื่อนมีหน่วยงานของรัฐเป็นหน้าฉาก ก่อนที่เอกชนจะสวมรอยเข้ามาดูแล ซึ่งเดิมทางวิทยาลัยเทคนิคได้เคยทำเรื่องขอถอนสภาพจากที่สาธารณประโยชน์มาเป็นพื้นที่เพื่อการศึกษาของวิทยาลัยมาตั้งแต่ก่อตั้ง จนกระทั่งปัจจุบันวิทยาลัยเทคนิคนครพนม ได้เปลี่ยนฐานะเป็นมหาวิทยาลัยนครพนม เมื่อปี 2548 แต่เรื่องการขอถอนสภาพที่ดินยังล่าช้าไม่คืบหน้าจนถึงปัจจุบัน
ล่าสุดทราบว่าทางจังหวัดนครพนมได้มีหนังสือเลขที่ กก 0202.29/14756 ลงวันที่ 9 พ.ย.2548 ถึงอธิบดีกรมที่ดินยื่นเรื่องเพื่อขอถอนสภาพ และขอใช้ที่ดินแปลงดังกล่าวอีกเพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์พัฒนากีฬาจังหวัดนครพนม ซึ่งตนถือว่าเป็นปัญหาแทรกซ้อนจากภาครัฐ และเกิดการทำเรื่องทับซ้อนจากเดิมที่วิทยาลัยเทคนิคนครพนม ขอใช้มาก่อนส่งผลให้ทางวิทยาลัยเสียประโยชน์ที่จะพัฒนาการศึกษาในอนาคต
ดังนั้นนักศึกษา ครูอาจารย์ ศิษย์เก่า จึงต้องออกมาเรียกร้องขอคัดค้านการยึดที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ทางการศึกษา ไปทำเป็นสนามกอล์ฟเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มน้อย เพราะผืนดินแห่งนี้ทำให้ชาวบ้านมีงานทำ นักศึกษามีที่เล่าเรียน โดยตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ทางวิทยาลัยฯได้ร่างหลักสูตรวิชากอล์ฟเป็นวิชาเลือก ก่อนเปิดสอนให้แก่นักศึกษา แต่ถ้ามีหน่วยงานภาครัฐจะเข้ามาครอบครองพื้นที่ดังกล่าว ไปทำประโยชน์อย่างอื่น
คณะครูอาจารย์เป็นห่วงเรื่องการดูแลพื้นที่ อนาคตมีเอกชนยื่นมือเข้ามาบริหารจัดการในสนามกอล์ฟแห่งนี้ การควบคุมดูแลจะลำบากยิ่งขึ้น และประโยชน์จะไม่ตกแก่บุตรหลาน หากทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ทบทวน นักศึกษาและครูอาจารย์จะเดินขวบชุมนุมคัดค้านให้ถึงที่สุด
ทางด้าน นายสมชอบ นิติพจน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ในฐานะมีตำแหน่งเป็นประธานชมรมกอล์ฟจังหวัดนครพนม และนายสนามกอล์ฟจังหวัดนครพนม ที่เป็นคนผลักดันหาแนวทางพัฒนาพื้นที่สนามกอล์ฟ กล่าวว่า สำหรับปัญหาที่คณาจารย์ นักศึกษา ออกมาคัดค้านเรื่องการขอถอนสภาพพื้นที่สาธารณประโยชน์สนามกอล์ฟภูกระแต ภายในวิทยาลัยเทคนิคนครพนม คงต้องปล่อยไปตามขั้นตอน เพราะเรื่องการถอนสภาพทางจังหวัดได้มีการหารือ จากผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะกรรมการเกี่ยวข้องตามขั้นตอนมาตลอด
ทั้งนี้ เพื่อหาทางปรับปรุงพื้นที่สนามกอล์ฟภูกระแต ให้มีความมาตรฐาน เป็นศูนย์กีฬาและที่พักผ่อนที่สำคัญของจังหวัด แต่ด้วยปัญหาเป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์จึงไม่สามารถจัดสรรงบประมาณลงไปดูแลได้ จึงต้องทำเรื่องถอนสภาพ และมีโครงการจัดตั้งศูนย์พัฒนากีฬาจังหวัดนครพนม ที่จะเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนทุกฝ่าย
ส่วนทางวิทยาลัยมองว่า เกิดการทับซ้อนการขอถอนสภาพนั้นคงไม่จริง เพราะทางจังหวัดทำตามขั้นตอน แต่ส่วนของวิทยาลัยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะทางจังหวัดทำเพื่อส่วนรวมไม่มีใครได้ประโยชน์ และเป็นพื้นที่บางส่วนเฉพาะสนามกอล์ฟเท่านั้น
ในอนาคตทางวิทยาลัยจะใช้พื้นที่ หรือเปิดหลักสูตรการสอนกอล์ฟก็สามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องขึ้นกับวิทยาลัย เพราะสิ่งสำคัญ คือ จังหวัดต้องการให้เกิดการพัฒนาเป็นศูนย์กีฬาที่สมบูรณ์ และยืนยันว่าไม่มีใครได้ประโยชน์ เพราะคนที่ไปใช้บริการก็ต้องทำตามระเบียบ เสียค่าธรรมเนียมทุกคน ซึ่งหากทางวิทยาลัยจะคัดค้านก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ ซึ่งขณะนี้เรื่องก็อยู่ที่รอการอนุมัติจากมหาดไทย ก็คงต้องให้เป็นไปตามขั้นตอน