“สุรฤทธิ์” อดีตทหารสนิท “สุรยุทธ์” ยันโอนที่เขายายเที่ยงให้ “เมียนาย” ตอบแทนบุญคุณที่เคยช่วยกัน ไม่พูดจ่ายเงินค่าที่หรือไม่ บอกถ้ารู้ว่าซื้อแล้วมีปัญหาก็คงไม่ซื้อ ยัน ไม่รู้จริงๆ เป็นเขตป่าสงวน ซัด “นพดล” โคตรนาธาน ท้าสาบานใครโกหก ขู่ใครคิดทำลายสถาบันขอให้พินาศ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.อ.สุรฤทธิ์ จันทราทิพย์ แถลง
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่ราชตฤณมัยสมาคม พล.อ.สุรฤทธิ์ จันทราทิพย์ อดีตนายทหารเสนาธิการประจำ (ผอ.รมน.) หนึ่งในรายชื่อที่ถูกระบุว่า เป็นผู้โอนที่ดินให้กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี แถลงถึงกรณีถูกพาดพิงเป็นนอมินีของ พล.อ.สุรยุทธ์ ในการถือครองที่ดินเขายายเที่ยงว่า ตนได้ซื้อที่ดินเขายายเที่ยงมาจากนายนพดล พิทักษ์วานิช โดยเป็นการให้ความช่วยเหลือนายนพดลที่มาขอความช่วยเหลือเนื่องจากประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 โดยนายนพดลมาพบบอกว่าจะถูกฟ้องยึดที่ดินจะถูกฟ้องล้มละลายจึงขอให้ซื้อที่ดิน 2 ผืน คือ ที่เขายายเที่ยง และที่ใต้หนองน้ำในเมือง ตนจึงขึ้นไปดูพื้นที่ซึ่งก็ชอบใจพื้นเขายายเที่ยงจึงได้ขอซื้อ ซึ่งนายนพดลได้นำหลักฐานที่ซื้อต่อจากนายเบ้า สินนอก และได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมาตั้งแต่ปี 40 โดยที่ดินดังกล่าวมีแต่ดินกับหิน ซึ่งหลังจากซื้อมาเป็นเวลา 5 ปี ก็ได้ทำการพัฒนาที่ดินปลูกต้นไม้ และต่อมาได้โอนให้ พ.อ.(หญิง)ท่านผู้หญิงจิตราวดี จุลานนท์ ภริยาของ พล.อ.สุรยุทธ์ เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ
พล.อ.สุรฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นนอมินิของ พล.อ.สุรยุทธ์ ในสมัยนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ส่วนตนอยู่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 และไม่เคยมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับโครงการใดตามที่กลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวอ้าง ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการขนไม้สักจำนวน 3 พันท่อนนั้น ในพื้นที่ดังกล่าวไม่เคยมีการถางป่า และไม่เคยมีต้นไม้ใหญ่บนเขายายเที่ยง ตนไปขอน้ำขอไฟ ติดต่อราชการก็ไม่เห็นมีใครมาทักท้วงว่าเขตนี้เป็นเขตป่าสงวน ฉะนั้น ตนขอยืนยันว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริง หากจะให้ไปสาบานที่ไหนยินดีเสมอ สิ่งที่นายนพดลกล่าวในเทปบันทึกเสียงไม่เป็นความจริงเลย
ขณะที่การยกที่ดินพื้นดังกล่าวให้ภริยา พล.อ.สุรยุทธ์ ก็เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ได้ตอบแทนบุญคุณกลับด้วยการดูแลตนในการผ่าตัดหัวใจ ส่วนซื้อมาเท่าไหร่นั้นให้ไปถามนายนพดลเอาเอง ซึ่งถ้านายนพดลมีหลักฐานอะไรก็เอามายืนยันกัน ตนรับรองว่าเป็นจำนวนเงินที่นายนพดลพอใจ การที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อไหวสื่อน่าจะรู้อยู่แก่ใจว่า ทำไมต้องออกมาตอนนี้ ส่วนการยกที่ดินให้กับ พ.อ.(หญิง) ท่านผู้หญิงจิตราวดี มีการจ่ายเงินกันหรือไม่ เรื่องนี้ตนไม่ตอบ แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการตอบแทนระหว่าง พล.อ.สุรฤทธิ์ กับ พล.อ.สุรยุทธ์ และหากตนรู้ว่าที่ดินดังกล่าวจะเกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง ตนก็คงจะไม่ซื้อ ขณะที่นายนพดล ตนก็ไม่เคยเจอกันมา 13 ปี ก่อนหน้าที่จะซื้อที่ดินก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ตอนซื้อก็รู้จักกันธรรมดา และในตอนที่นายนพดลขายก็มีโฉนดให้ ส่วนออกโฉนดมาได้อย่างไรให้ไปตามนายนพดล ความจริงที่นี่ไม่มีโฉนดแต่เป็น ภบท.5 เป็นสิทธิเก็บกิน ที่ยังเป็นของกรมป่าไม้ ซึ่งตัว ภบท.5 นี้โอนให้กันได้หรือไม่ ตนไม่ทราบเรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎหมาย
ทั้งนี้ พล.อ.สุรฤทธิ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตนขอย้ำว่า ตนรักในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ บางคนไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ว่า บ้านเมืองอยู่มาได้ด้วยใคร บางคนเห็นแก่เงิน บ้านเมืองอยู่มาได้ด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ปกป้องไว้ ตนพร้อมเสมอที่จะทดแทนและจงรักภักดี ตนขอให้คนที่คิดทำลายได้พินาศ ก่อนจะจบการแถลงข่าวทันที