อุบลราชธานี-โล้นเฒ่าวัยใกล้ฝั่งใจแตก หนีวัดมากกชีวัยเฉียด 60 ที่กระท่อมกลางทุ่งนา ชาวบ้านสุดทนแจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ โล้นเฒ่าอ้างปากคอสั่นไม่ผิดวินัย แค่ปลุกเสกเหล็กไหลรอขอนายทุนมาซื้อมูลค่านับสินล้านบาท หลังตรวจสอบมีใบสุทธิถูกต้อง ได้แค่ไล่กลับวัดหยุดมั่วสุม
เมื่อเย็นวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านโคกจักจั่น ต.บุ่ง อ.เมือง มีพระวัยชราพร้อมแม่ชีวัยใกล้เคียง พักอาศัยอยู่กันสองต่อสองที่กระท่อมกลางทุ่งนาในหมู่บ้าน โดยไม่สนใจความรู้สึกของชาวบ้าน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงที่พัก ซึ่งปลูกสร้างเป็นบ้านชั้นเดียวตั้งอยู่กลางทุ่งนาของหมู่บ้านโคกจักจั่น
พบหญิงแต่งกายด้วยผ้าสีกรักทราบชื่อภายหลังว่า นางบุญร่วม บุญสอด อายุ 53 ปี อ้างว่าบวชเป็นแม่ชีมาแล้ว 13 ปี มีบ้านเดิมอยู่เลขที่ 27/1 หมู่ที่ 2 บ้านโนนจาน ต.ดงบัง อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ นั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้านพัก ส่วนพระเฒ่าทราบชื่อต่อมาว่า ชื่อพระคำผล โชติวังโส อายุ 81 ปี บวชเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา โดยพระครูทัศนประกาศ (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสพระมงคลมิ่งเมือง เป็นพระอุปัชฌาย์ ส่วนพระคำผล มีภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ที่ 12 ต.สร้างนกทา อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ
เมื่อแม่ชีและพระเฒ่าเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกชาร์ตเข้าถึงตัวอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันตั้งตัวก็มีอาการตกใจหน้าถอดสี เมื่อถูกถามถึงที่มาและใบสุทธิประจำตัว ทั้งพระเฒ่าและชีต่างตอบคำถามเจ้าหน้าที่ด้วยอาการปากคอสั่น ครั้งแรกอ้างเป็นพ่อลูกกัน แต่เมื่อถูกซักถามหนักเข้าก็อ้างเป็นพ่อลูกแต่ชาติปางก่อน
นางบุญร่วมรับว่า ตามมาดูแลพระคำผล เพราะเป็นผู้ครอบครองเหล็กไหลวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนายทุนกำลังติดต่อขอซื้อในราคานับสิบล้านบาท นางบุญร่วมอยากมีส่วนแบ่งจากการขายเหล็กไหลด้วย จึงตามาดูแล เพื่อหวังได้ส่วนแบ่งไปใช้จ่ายส่วนตัว พร้อมปฏิเสธไม่ได้ปฏิบัติตัวเกินเลยไปกว่านี้
และจากการตรวจค้นพบในห้องนอน พบเสื้อผ้าผู้ชายเป็นกางเกงขายาว เสื้อแขนสั้นและเสื้อแขนยาวอย่างละ 1 ตัว บนเตียงนอนมีที่นอนและหมอนวางคู่กันด้านซ้ายและขวาข้างละ 2 ใบ ใต้เตียงพบรองเท้าบู๊ทผู้ชาย 2 คู่ ข้างเตียงนอนพบชุดเสื้อผ้าของแม่ชีกองอยู่ ห่างเตียงไปประมาณ 2 เมตร พบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าสีน้ำเงินไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยพระคำผลอ้างว่าบ้านดังกล่าวเป็นของคนรู้จักกันให้พักอาศัยชั่วคราว
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ว่ากล่าวตักเตือน พระและชีไม่ควรมาอยู่ร่วมกัน เพราะไม่เหมาะสมทำให้ชาวบ้านเสื่อมศรัทธา จึงขอให้พระกลับไปอยู่วัด หรือสึกจากการเป็นพระเสียก่อน จึงมาอยู่ด้วยกัน ซึ่งพระคำผลรับปากจะไปให้เจ้าอาวาสทำการสึกในวันรุ่งขึ้น