ศูนย์ข่าวศรีราชา - สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดชลบุรีเรียก 7 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมประชุมพิจารณาจัดทำข้อบัญญัติท้องถิ่นในกรณีที่ผังเมืองรวมเมืองพัทยาขาดอายุบังคับใช้ ทั้งหมดระดมสมองก่อนสรุปเป็นไปตามแนวทางเดียวกันเพื่อความยั่งยืนของท้องถิ่น ก่อนพิจารณาร่างข้อบัญญัติผ่านสภาท้องถิ่นส่งต่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา
วันนี้ (23 ธ.ค.52) ที่ห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยา นายสุเมธ สาระอาภรณ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดชลบุรี เป็นประธานการประชุมพิจารณาการจัดทำข้อบัญญัติท้องถิ่นในกรณีที่ผังเมืองรวมเมืองพัทยาขาดอายุบังคับใช้ โดยมีตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องรวม 7 แห่ง ประกอบด้วย เมืองพัทยา, เทศบาลเมืองหนองปรือ, เทศบาลตำบลห้วยใหญ่, เทศบาลตำบลนาจอมเทียน, องค์การบริหารส่วนตำบลโป่ง, องค์การบริหารส่วนตำบลหนองปลาไหล และองค์การบริหารส่วนตำบลนาจอมเทียน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ด้วยผังเมืองรวม ซึ่งหมายถึง แผนผัง นโยบายและโครงการรวม ทั้งมาตรการควบคุมโดยทั่วไป เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อมเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง และผังเมืองรวมเมืองพัทยาฉบับปัจจุบันที่ประกาศใช้บังคับเมื่อ 22 พฤษภาคม 2546 มีพื้นที่ครอบคลุมเมืองพัทยาและพื้นที่บางส่วนขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งสิ้นอีก 6 องค์กรข้างต้น ซึ่งที่ผ่านมามีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี และได้ขยายระยะเวลาบังคับใช้ครั้งที่ 2 ไปจนถึงวันที่ 21 พฤษภาคม 2553 ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขปรับปรุงเพื่อกำหนดจัดทำข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อสะดวกต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งนี้ได้มีการร่วมพิจารณาหาแนวทางต่อเรื่องดังกล่าว ซึ่งได้ข้อสรุปให้ตัวแทนองค์กรท้องถิ่นทั้ง 7 แห่งออกร่างข้อบัญญัติท้องถิ่นซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกันทั้งหมด โดยมีรูปแบบจากเมืองพัทยามาปรับใช้ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวไม่จำเป้นต้องมีการทำประชามติแต่อย่างใด เพราะเป็นกฎหมายเดิมที่นำมาทำเป็นข้อบัญญัติและที่ผ่านมาประชาชนก็รับรู้การดำเนินการด้านผังเมืองดังกล่าวมาตลอด การดำเนินการครั้งนี้จึงเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อมิให้เกิดสูญญากาศในช่วงผังเมืองรวมเก่าหมดอายุ
อย่างไรก็ตาม หลังจากองค์กรปกท้องส่วนท้องถิ่นทั้ง 7 แห่งร่างข้อบัญญัติท้องถิ่นเป็นการเรียบร้อยแล้วจะได้นำส่งต่อนิติกรตรวจสอบร่างข้อบัญญํติ และเสนอต่อนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆพิจารณา ก่อนนำเรื่องเข้าที่ประชุมสภาท้องถิ่นก่อนส่งต่อไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาส่งร่างผังเมืองดังกล่าวให้ทางสำนักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรีพิจารณาประกาศเป็นพระราชกิจจานุเบกษาในการต่อไป ซึ่งรูปแบบดังกล่าวการจำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพราะแต่ละสภาท้องถิ่นเปิดประชุมสภาไม่ตรงกัน ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าอาจทำให้เกิดความล่าช้าก็เป็นได้
