ระยอง-เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดระยอง ระดมกำลังกว่า100 นายตรวจค้นเรือนจำกลาง พร้อมของกลางสิ่งต้องห้าม เข็มสักลาย มีดปลอกผลไม้ และไม่สามารถเปิดเผยได้อีกหลายรายการ
วันนี้( 23 ธ.ค. 52 ) นายชัยณรงค์ เศวตจินดา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดระยอง พร้อมด้วย นายสาธิต เอกวุฒิพล ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและทัณฑปฏิบัติ นายสุทัศน์ จันทร์อารักษ์ หัวหน้าฝ่ายควบคุม เจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครรักษาดินแดนกว่า 100 นายปูพรมตรวจค้นเรือนจำกลางจังหวัดระยอง หมู่ 9 ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ได้พร้อมของกลางสิ่งต้องห้าม เข็มสักลาย มีดปลอกผลไม้ ช้อนซ่อม ฯลฯ และไม่สามารถเปิดเผยได้อีกหลายรายการ จึงยึดไว้เป็นของกลาง
เจ้าหน้าที่เรียกผู้ต้องขังออกจากโรงนอนตามแดนต่างๆ มาอยู่รวมกัน และจู่โจมเข้าตรวจค้นตามโรงนอนทั้งหมด 5 โรงนอน ทำให้ผู้ต้องขังแตกตื่น เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางต้องใช้เครื่องขยายเสียงประกาศให้ผู้ต้องขังอยู่ในความสงบ และสามารถควบคุมสถานการณ์เป็นปกติ
นายชัยณรงค์ กล่าวว่า ในการตรวจค้นครั้งนี้ได้ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านค่าย 20 นาย ตำรวจ สภ.นิคมพัฒนา 20 นาย ตำรวจ สภ.ปลวกแดง 20 นาย กำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน อ.นิคมพัฒนา 20 นาย กำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน อ.ปลวกแดง 20 นาย และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษเรือนจำกลาง 28 นาย และกำลังเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางระยอง 60 นาย เข้าจู่โจมพื้นที่แดนเป้าหมาย เพื่อตรวจค้นสิ่งต้องห้ามหรือยาเสพติด
สืบเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ได้ผลอย่างจริงจังโดยได้มอบนโยบายและได้สั่งการให้กระทรวงทบวง กรม ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการจัดทำแผนงานโครงการเพื่อบูรณาการ ทำงานร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามแก้ไขปัญหายาเสพติดตามภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาล โดยการปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม เพื่อไม่ให้มีการซื้อขายยาเสพติดแพร่ระบาดไปยังกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และผู้ต้องขังในเรือนจำ
เรือนจำกลางระยอง มีภารกิจหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังตามคำพิพากษาของศาล และคำสั่งของเจ้าพนักงานที่มีอำนาจ กรมราชทัณฑ์กำหนดให้เรือนจำกลางระยองเป็นเรือนจำที่มีความมั่นคงสูง มีอำนาจควบคุมผู้ต้องขังกำหนดโทษสูงสุดตลอดชีวิต ปัจจุบัน ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2552 มีผู้ต้องขังรวมทั้งสิ้น 4,337 คน (ผู้ต้องขังชาย 3,601 คน ผู้ต้องขังหญิง 736 คน) ในจำนวนนี้ เป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด จำนวน 2,316 คน คิดเป็น 53.40% ของผู้ต้องขังทั้งหมด ผู้ต้องขังยาเสพติดบางส่วนมีกำหนดโทษสูง ย้ายมาจากเรือนจำและทัณฑสถานอื่น เช่น เรือนจำในเขตกรุงเทพมหานครและเรือนจำใกล้เคียงรวมถึงเรือนจำ และทัณฑสถานเขตภาคตะวันออก
ผู้ต้องขังดังกล่าวบางกลุ่มจะมีบุคคลภายนอก ซึ่งมีอิทธิพลทางการเงินมีขบวนการค้ายาเสพติดคอยให้ความช่วยเหลือดูแลอยู่ตลอดเวลา เช่น มีการแอบซุกซ่อนยาเสพติดหรือโทรศัพท์มือถือส่งเข้าไปในเรือนจำ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการติดต่อซื้อขายยาเสพติดทางโทรศัพท์ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์อยู่บ่อยครั้ง
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามตัดวงจรไม่ให้ยาเสพติด และสิ่งของต้องห้ามหลุดเข้าไปในเรือนจำ และเป็นการป้องกันไม่ให้มีการผลิต ซื้อขายยาเสพติดในทุกพื้นที่ของจังหวัดระยอง เป็นการดำเนินงานตามนโยบายภารกิจเร่งด่วนของกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงมหาดไทย
เรือนจำกลางระยองจึงได้ทำโครงการ “ตรวจค้นยาเสพติดและสิ่งของต้องห้ามในเรือนจำ” ขึ้นเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการทำงานบูรณาการสนธิกำลังร่วมกัน โดยมีเป้าหมายในการจู่โจมตรวจค้นเป็นกรณีพิเศษที่เรือนจำกลางจังหวัดระยอง
อย่างไรก็ตาม ในการตรวจค้นครั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ยาเสพติด และสิ่งของต้องห้ามอยู่ในเรือนจำ เป็นการตัดวงจรผู้ค้า ผู้ผลิต และผู้เสพให้ลดจำนวนลงหรือหมดไปในที่สุด ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดระยอง ได้รับการแก้ไขและเบาบางลง เพื่อเป็นการบูรณาการร่วมกัน ในการป้องกันปราบปรามในการแพร่ระบาดของยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพและดำเนินงานตามเป้าหมายของรัฐบาล