แพร่ - แฉนักการเมือง-ตำรวจสมคบปั้นพยานเท็จ ป้ายสีว่าที่นายก อบต.หัวทุ่ง เมืองแพร่ซื้อเสียงเลือกตั้ง บีบชาวบ้านยากจนเป็นพยานกับ กกต.เสนอเงิน 4 หมื่นหรือมากกว่านั้นเป็นค่าจ้าง แต่ชาวบ้านไม่ยอมกลับถูกคุกคามข่มขู่หนักจนอยู่บ้านไม่ได้ ต้องวิ่งโร่ร้องผู้ว่าฯผ่านสื่อมวลชล
วันนี้ (23 ธ.ค.) นางฟองจันทร์ เชียงน้อย อายุ 45 ปีและนายสนั่น จินดาหาญ อายุ 46 ปี ชาวบ้าน ต.หัวทุ่ง อ.ลอง จ.แพร่ ได้เข้าร้องขอความคุ้มครองจากผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ผ่านสื่อมวลชนในท้องถิ่น โดยระบุว่าถูกตำรวจจาก สภ.ลอง จ.แพร่ จำนวน 2 นายแต่งชุดนอกเครื่องแบบเข้าข่มขู่ให้เป็นพยานเท็จในคดีซื้อเสียงเลือกตั้งนายก อบต.หัวทุ่ง ทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืน จนไม่สามารถอยู่ในบ้านของตนเองได้
เนื่องจากทั้งสองคนยืนยันไม่ดำเนินการตามที่ตำรวจร้องขอและไม่ต้องการเงินที่จะมอบให้จำนวน 40,000 บาทหรือมากกว่านั้น จนทำให้มีการข่มขู่เอาชีวิต ทำให้หวั่นเกรงว่าอาจถูกฆ่าจากกลุ่มตำรวจและนักการเมืองอิทธิพลดังกล่าวขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งเข้ามาให้การช่วยเหลือโดยด่วน
อย่างไรก็ตาม สองสามีภรรยาระบุว่า ในขณะที่ต้องหลบหนีออกจากบ้านไม่กล้าอยู่อาศัยในบ้านของตนเองมานานกว่า 4 วันแล้ว หลังจากที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวน 2 นายของ สภ.ลอง สังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ และกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นผู้ทรงอิทธิพล เข้าข่มขู่และเสนอเงินให้จำนวน 40,000 บาทหรือมากกว่านั้น เพื่อให้ไปเป็นพยานต่อ กกต.จังหวัดแพร่ กล่าวหานักการเมืองที่ชนะเลือกตั้งนายก อบต.หัวทุ่ง เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.52 ที่ผ่านมา
นางฟองจันทร์กล่าวว่า กลุ่มตำรวจนอกเครื่องแบบและนักการเมืองดังกล่าวเข้ามาขอความร่วมมือให้ไปเป็นพยานกล่าวหาผู้ชนะเลือกตั้งนายก อบต.หัวทุ่ง ว่าทำการซื้อเสียงกับตนและสามี มีการเสนอวิธีการในการไปเป็นพยานโดยทำตามที่ตำรวจแนะนำและยอมรับตามที่ตำรวจถามต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดแพร่ เมื่อดำเนินการเสร็จจะได้เงินสดเป็นค่าตอบแทนจำนวน 40,000 บาท หรือต้องการมากกว่านั้นก็ได้
ขณะที่ นายสนั่น จินดาหาญ สามีกล่าวว่า ครั้งแรกเวลา 14.30 น.วันที่ 16 ธันวาคม ถูกหลอกพาขึ้นรถเข้าเมืองแพร่เพื่อพาไปเป็นพยาน แต่ไหวตัวทันจึงขอลงจากรถไม่ไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดแพร่ ล่าสุดเมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 19 ธ.ค.52 มีดาบตำรวจคนหนึ่ง และนาย ส. เข้าไปหาที่บ้านบีบบังคับให้เป็นพยานดังกล่าว
“ผมเข้าใจดีว่าถ้าไม่ทำตามจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัว ผมหวั่นว่าละถูกฆ่าทิ้งและลูกยังเล็กอยู่ใครจะดูแล ผมขอไม่ยุ่งกับขบวนการดังกล่าวดีกว่าขออย่าเอาครอบครัวผมไปเกี่ยวข้องเลย”
นางจันทร์ติ๊บ ธิน่าน เพื่อนบ้านที่ให้การช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าว เปิดเผยว่า คนจนในหมู่บ้านถูกกลุ่มอิทธิพลกลุ่มนี้ใช้เป็นเครื่องมือ ตนเองถูกตำรวจคุกคามมาก่อนยัดข้อหาให้กับลูกชายจนลูกชายทั้งสองคนมีคดีติดตัว รวมมาถึงตนเองก็ถูกตำรวจดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์เป็นรถจักรยานยนต์ของตนเอง ส่วนครอบครัวนี้แม้ยากจน จนไม่มีเงินให้ลูกไปจ่ายค่าอาหารกลางวันที่โรงเรียนเดือนละ 400 บาท แต่เขาเลือกการไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเข้าไปเป็นพยานเท็จในการป้ายสีผู้ชนะเลือกตั้ง ผลตอบแทนเขาอาจเหมือนกับตนที่ต้องเผชิญชะตากรรมอย่างหนัก แม้ผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ให้การดูแล
“ไม่คิดเหมือนกันว่าประเทศไทยยังมีกลุ่มอิทธิพลแบบนี้อยู่”
นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ปัญหาดังกล่าวตนทราบว่ามีการร้องเรียนทุจริตเลือกตั้ง มีม็อบว่าผู้ชนะโกงการเลือกตั้ง ไม่คิดว่าพฤติกรรมดังกล่าวจะใช้วิธีการไปสร้างพยานขึ้นมา โดยล่าสุดได้รับรายงานว่ามีการเข้าไปข่มขู่ชาวบ้านให้ไปเป็นพยาน เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
พร้อมกันนั้น นายสมชัยได้โทรศัพท์ตรงถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ ให้ระงับเหตุดังกล่าวโดยเร็ว