เชียงราย – โรงเรียนพาณิชยการเชียงราย จัดฉลองครบรอบ 30 ปีของการก่อตั้งสถาบันการศึกษา เน้นผลิตบุคลากรรองรับภาคธุรกิจในสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ
รายงานข่าวจาก จ.เชียงรายแจ้งว่า วันนี้ (14 ธ.ค.) โรงเรียนพาณิชยการเชียงราย ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 1050 ถนนสนามบิน ต.เวียง อ.เมือง ได้จัดให้มีการเฉลิมฉลองโรงเรียนเนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี โดยนายสินธุ์ จงไพบูลย์กิจ ประธานสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงราย ในฐานะองค์กรที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนได้นำคณะผู้บริหารร่วมในพิธีเปิดการเฉลิมฉลองซึ่งตั้งอยู่ที่เวทีชั่วคราวบริเวณลานภายในอาคารโรงเรียน
โดยมีนักเรียนนักศึกษาของโรงเรียนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ในการเฉลิมฉลองดังกล่าวยังมีการจัดเวทีทางวิชาการ การแสดงบนเวที การจัดนิทรรศการทางวิชาการของนักศึกษา และการเดินรณรงค์ให้ลดละเลิกอบายมุขของนักเรียนและนักศึกษาไปตามถนนสายต่างๆ ภายในเขตเทศบาลนครเชียงราย
นายโกวิทย์ ศุภมงคล ผู้จัดการโรงเรียนพาณิชยการเชียงราย และอดีตประธานหอการค้า จ.เชียงราย เปิดเผยว่า โรงเรียนเกิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างมูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงราย และหอการค้า จ.เชียงราย ที่อยู่ภายในคณะกรรมการในตำแหน่งระหว่างปี 2523-2524 โดยได้ปรึกษาหารือกันกันเมื่อหลายสิบปีก่อนว่าควรจะให้เชียงราย มีสถานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับภูมิศาสตร์จังหวัดที่เป็นเมืองแห่งสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ และช่วยเหลือคนเชียงรายไม่ให้ต้องส่งบุตรหลานไปเรียนที่จังหวัดใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ ลำปาง ฯลฯ จึงตกลงที่จะตั้งเป็นโรงเรียนพาณิชยการขึ้น โดยใช้ที่ดินของมูลนิธิซึ่งเป็นที่ตั้งในปัจจุบันอันเกิดจากการบริจาคของผู้ใจบุญประมาณ 6 ไร่เศษ และผู้ใจบุญระบุให้นำไปใช้เพื่อการศึกษาเท่านั้น จากนั้นได้ร่วมกันจัดตั้งเป็นสถานศึกษาโดยให้มูลนิธิเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจากทางราชการ โดยมีนักศึกษารุ่นแรกแค่ 302 คนเท่านั้น
นายโกวิทย์กล่าวว่า ปัจจุบันโรงเรียนมีนักเรียนนักศึกษารวมกันประมาณ 3,000 คน และมีครูอาจารย์รวมทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่รวมกันจำนวน 105 คน เปิดสอนตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ในสาขาวิชาการบัญชี การขาย คอมพิวเตอร์ การตลาด
ล่าสุดในปี 2552 นี้ เพิ่งจะเปิดสนอในสาขาการท่องเที่ยวเป็นครั้งแรก เพราะเล็งเห็นว่า จ.เชียงราย เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวดังนั้นนอกจากจะต้องผลิตบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายหรือการบัญชีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงต้องมีบุคลากรที่สามารถพัฒนาการท่องเที่ยวได้อีกด้วย ทั้งนี้ได้นำร่องด้วยการเปิดสอนก่อนจำนวน 50 คน ส่วนในอนาคตก็คงจะมีการพัฒนาขยับขยายกันตามความเหมาะสมต่อไป
