หนองคาย-ไทย–ลาว เปิดใช้ระบบประกันภัยรถภาคบังคับร่วมกันเป็นครั้งแรก เอื้อประโยชน์ประชาชนรับสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัยรถยนต์เต็มที่ ประหยัดเวลาทำประกันภัยรถข้ามประเทศ พร้อมเดินหน้าเร่งผลักดันความร่วมมือกับเวียดนามและกัมพูชาในอนาคต
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้( 3 ธ.ค.)ที่บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพลาว - ไทย ฝั่งประเทศลาว ได้มีพิธีเปิดการเชื่อมข้อมูลระบบการประกันภัยรถภาคบังคับสำหรับรถยนต์ข้ามแดนระหว่างไทย กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ฝ่ายไทยนำโดย นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ฝ่ายลาวนำโดย นางเวียงทอง สีพันดอน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเงิน และเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกการประชุมระหว่าง นายสาระ ล่ำซำ ประธานสภาธุรกิจประกันภัยไทย กับ นายขันทะวง ดาราวง เลขาธิการสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติ สปป.ลาว ในการเดินหน้าการลงทนุด้านการประกันภัยใน สปป.ลาว
ทั้งนี้ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน โดยประเทศสมาชิกอาเซียนได้ลงนามร่วมกันเมื่อเดือน ธ.ค.2541 ณ ประเทศเวียดนาม ซึ่งประกอบด้วยสนธิสัญญา 9 ฉบับ โดยภายใต้พิธีสาร ฉบับที่ 5 เรื่องโครงการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับของอาเซียน ได้มีการลงนามและให้สัตยาบันเอวันที่ 8 ม.ค.2546 การดำเนินโครงการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับข้ามแดนระหว่างไทย – ลาว – เวียดนาม – กัมพูชา ถือเป็นความริเริ่มของประเทศไทย
โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ.ในการเจรจากับทั้ง 3 ประเทศ และได้เร่งรัดจัดทำระบบการรับประกันภัยให้มีการเปิดใช้ได้โดยเร็ว ซึ่งกรมนโยบายการเงินของสปป.ลาว ได้พยายามผลักดันให้สามารถเริ่มโครงการได้ทันก่อนการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ที่ลาวเป็นเจ้าภาพ
นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเชื่อมโยงระบบข้อมูลการทำประกันภัยรถยนต์นี้ ประชาชนจะได้รับความสะดวกในการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับก่อนการนำรถยนต์ข้ามผ่านแดนโดยไม่ต้องเสียเวลาลงจากรถเพื่อไปทำประกันภัยรถของประเทศปลายทาง มั่นใจได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคบังคับของแต่ละประเทศที่เดินทาง
และเนื่องจากมีการเชื่อมโยงระบบข้อมูลด้วยระบบออนไลน์แบบเรียลไทม์ เมื่อประชาชนของประเทศใดได้รับอุบัติเหตุในขณะการเดินทางไปอีกประเทศหนึ่งจะได้รับความช่วยเหลือด้านการจัดการสินไหมทดแทนอย่างครบถ้วนและทันท่วงที ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางกิจกรรมด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของทั้ง 4 ประเทศ
นอกจากนี้ในช่วงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 คาดว่าจะมีประชาชนชาวไทย – ชาวลาว เดินทางผ่านแดน ณ ด่านชายแดนไทย – ลาว เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 30 หรือกว่า 3 แสนคน และคาดว่าจะมีปริมาณรถผ่านเข้า – ออก ไทย – ลาว ในช่วงนี้เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 20 หรือกว่า 2 แสนคัน เพื่อเข้าชมการแข่งขันกีฬา ซึ่งระบบการประกันภัยรถข้ามแดนจะอำนวยความสะดวกให้ชาวไทยสามารถแจ้งทำประกันภัยรถภาคบังคับของสปป.ลาวได้ก่อนการเดินทางและชาวลาวก็สามารถแจ้งทำประกันภัยรถภาคบังคับได้ก่อนการเดินทางมายังประเทศไทย
สำหรับเจ้าของรถหรือผู้เอาประกันภัยไทยที่ต้องการเดินทางเข้าสปป.ลาว สามารถนำหลักฐานไปแจ้งขอทำประกันภัยของ สปป.ลาวได้ ณ ที่ทำการบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการซึ่งจะแสดงป้ายสัญลักษณ์ “ศูนย์รับแจ้งการทำประกันภัย Insurance Compulsory Center” โดยจะได้รับหลักฐานการจัดทำประกันภัยที่เรียกว่า Blue Card Sticker และ Certificate และขอให้นำ Blue Card Sticker ติดไว้หน้ากระจกรถยนต์เพื่อแสดงถึงการมีประกันภัย ซึ่งประชาชนจะได้รับความคุ้มครองทันทีที่เดินทาง
เนื่องจากศูนย์รับแจ้งการทำประกันภัยจะส่งข้อมูลระหว่างกันด้วยระบบออนไลน์แบบเรียลไทม์ และภายหลังจาการเปิดระบบระหว่างไทย – ลาว แล้ว ในลำดับถัดไปจะเร่งผลักดันให้ระบบสามารถเริ่มใช้กับประเทศเวียดนามและกัมพูชาโดยเร็วเช่นกัน
ส่วนการทำบันทึกการประชุมระหว่างสภาธุรกิจประกันภัยไทยกับภาคธุรกิจ สปป.ลาว นั้นเนื่องจากศักยภาพในการค้าและการลงทุนระหว่างไทย – ลาว ซึ่งมีมูลค่าการค้าโดยเฉลี่ย ปีละ 45,315 ล้านบาท มีอัตราการขยายตัวรอยละ 33 ต่อปี ประกอบกับ สปป.ลาว ยังมีความใหม่ทางด้านการประกันภัยและถือเป็นธุรกิจที่น่าสนใจในขณะนี้ รวมถึงบริษัทประกันภัยไทยมีศักยภาพในการลงทุนสูง จึงได้จัดให้มีการเจรจาระหว่างนักธุรกิจประกันภัยไทยกับนักธุรกิจลาวซึ่งได้บรรลุข้อตกลงในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน
รวมถึงบริษัทประกันภัยไทยได้มีการจับคู่ค้าทางธุรกิจกับนักธุรกิจลาวจำนวนหลายคู่ คาดว่าในเร็ว ๆ นี้ จะมีการเปิดตัวคู่ค้าและมูลค่าการลงทุนอย่างยิ่งใหญ่.