ศูนย์ข่าวศรีราชา -ผู้ค้าทองคำในภาคตะวันออก ไม่หวังเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน ที่อาจช่วยกระตุ้นยอดขายให้กลับมาคึกคัก หลังพบหลายโรงงานไม่จ่ายโบนัส ซ้ำยังต้องแบกรับต้นทุนทั้งการแห่นำทองคำออกขายของประชาชนจนต้องขออนุมัติวงเงินกู้เพิ่มจากแบงก์ ชี้ราคาที่พุ่งสูงต่อเนื่องและปัญหาการเลิกจ้างในพื้นที่คือปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจต้องอยู่ในภาวะประคองตัวและในเร็วๆ นี้อาจเห็นการทยอยปิดตัวของผู้ค้ารายย่อยในชลบุรี หลังยอดขายหาย 100%เต็ม ขณะที่มูลค่าการจำหน่ายทองคำในระยองเหลือเพียง 30%
นายสมชาย โตศุกลวรรณ์ ประธานชมรมผู้ค้าทองคำจังหวัดระยอง เผยว่าราคาทองคำที่ ปรับตัวสูงขึ้นในทุกวันไม่เพียงแต่จะทำให้ชมรมฯ ต้องประกาศเตือนไปยังผู้ค้าทองคำที่มี กว่า 50 แห่งในจังหวัด ให้เพิ่มความระมัดระวังในการดูแลตนเองเพื่อให้พ้นจากเหตุการณ์ปล้นทอง ทั้งเพิ่มจำนวนผู้เฝ้าร้านและติดตั้งกล้องวงจรปิด รวมถึงแจ้งเตือนไม่ให้ผู้ประกอบการนำทองคำที่มีในร้านออกโชว์มากเกินความจำเป็น และแจ้งเตือนไปยังช่างทองไม่ให้นำทองคำเปอร์เซ็นต์ต่ำเข้ามาขาย เพื่อป้องกันผลเสีย ที่จะเกิดต่อธุรกิจค้าทองคำในจังหวัดระยองแล้ว ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากจะไม่ทำให้ผู้ค้าสามารถขายทองคำที่มีอยู่ได้ ยังทำให้ต้องหันไปขอวงเงินกู้จากแบงก์เพิ่มขึ้นเพื่อให้เพียงพอสำหรับรองรับการเข้ามาขายคืนของลูกค้า
ที่สำคัญผู้ค้ายงจะต้องนำทองคำที่มีอยู่ในร้าน รวมถึงทองคำที่ลูกค้านำมาขายคืนออกขายต่อให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ในกรุงเทพฯ เพื่อรักษาสายป่านทางการเงิน ทั้งนี้นับตั้งแต่ราคาทองคำสูงถึงบาทละ 15,000-16,000 บาท ก็พบว่าลูกค้าที่เคยซื้อทองคำเพื่อเก็บรักษาและใช้เป็นเครื่องประดับ เริ่มนำทองคำที่มีอยู่ออกมาขายคืนให้กับผู้จำหน่าย จนทำให้ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมายอดการค้าทองคำในพื้นที่จังหวัดระยองลดเหลือเพียง 30% ของยอดจำหน่ายรวมที่เคยมีในปีก่อนๆ
“ ในวันที่ราคาทองคำสูงถึงบาทละ 19,000 บาท จำนวนผู้นำทองคำออกขายคืนก็เริ่มมีน้อยลง เพราะเขาได้ขายไปหมดในช่วงก่อนหน้านี้แล้ว แต่ในส่วนผู้ค้าทองคำเองยังต้องแบกรับเรื่องค่าใช้ในการดูแลร้านอยู่ อย่างไรก็ดีการที่ผู้ค้าทองคำในจังหวัดระยองส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีสายป่านยาว เพราะมีธุรกิจอื่นเสริมทั้งสวนผลไม้ สวนยางหรือการเป็นเจ้าของตึกแถวให้เช่า จึงทำให้ยังสามารถประคองตัวอยู่ได้และไม่มีภาพการปิดตัวของผู้ประกอบการให้เห็น ”
นายสมชาย ยังเผยอีกว่าแม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผู้ค้าทองคำในจังหวัดระยอง จะมีความหวังในการขายทองคำให้กับกลุ่มพนักงานโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ในช่วงปลายปี ซึ่งส่วนใหญ่จะนำเงินโบนัสเข้ามาซื้อทองคำเพื่อเก็บรักษาและใช้เป็นของฝากทั้งในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน แต่ในปีนี้เมื่อราคาทองคำสูงขึ้นมาก
ขณะที่การจ้างงานและการเลิกจ้างในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ในพื้นที่ยังคงมีสูง ส่วนโรงงานที่ยังเปิดก็มีกระแสว่าจะไม่จ่ายโบนัสจึงคาดว่าการจำหน่ายทองคำในช่วงเทศกาลต่างๆ จะไม่คึกคึกและจะไม่มีผลต่อการจำหน่ายของผู้ค้าที่มีอยู่ในพื้นที่อย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับผู้ค้าทองคำในจังหวัดชลบุรี ที่เผยถึงภาวะการค้าในช่วงปีที่ผ่านมาว่ายอดขายหายไปถึง 100% เต็มหลังราคาทองคำขยับมาอยู่ที่ประมาณบาทละ 15,000 บาท และในช่วงหลังที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมที่เคยได้จากการขายฝากหายไป เพราะประชาชนหันมาขายขาดแทน และนอกจากผู้ค้าจะไม่มีรายได้จากธุรกิจแล้วยังต้องประสบปัญหาการเรียกเก็บภาษีที่สูงขึ้นจากสรรพากร และยังต้องระวังงตนเองจากมิจฉาชีพ รวมถึงการก่อเหตุปล้นร้านทอง ทำให้ขณะนี้ผู้ค้าต้องแบกรับภาระเรื่องค่าใช้จ่ายรอบด้าน
“เท่าที่รู้คือขณะนี้กำลังจะมีผู้ค้าทองคำในพื้นที่อำเภอศรีราชาปิดตัวประมาณ 4 ราย และกำลังมีช่างทองที่จะตกงานอีกมาก เพราะนอกจากทองคำที่มีอยู่เดิมจะขายไม่ออกแล้ว คำสั่งผลิตลายใหม่ๆ ก็ไม่มีออกมา ซึ่งหากราคาทองคำยังพุ่งสูงต่อเนื่องเช่นนี้ในอนาคตจะเห็นผู้ค้าทองคำในจังหวัดชลบุรีปิดตัวอีกเยอะ และผู้ที่จะอยู่ได้จริงๆ ก็คือผู้ค้ารายใหญ่ในกรุงเทพฯเท่านั้น” ผู้ค้าทอง กล่าว