บุรีรัมย์ - ประชาชนและเกษตรกรบุรีรัมย์แห่ลงทะเบียนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาลวันแรกร่วม 1,000 ราย จากข้อมูลบุรีรัมย์มีผู้มีหนี้อันดับ 2 ของประเทศ ขณะ ธ.ก.ส.เปิดจุดรับลงทะเบียนนอกสถานที่ พร้อมชี้แจงระเบียบหลักเกณฑ์ หลังพบส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ ด้าน ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ วอนนายทุนเงินเห็นใจลูกหนี้ เชื่อโครงการรัฐแก้ปัญหาเดือดร้อนชาวบ้าน
วันนี้ (1 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอประชุม องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สะแกโพรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานเปิดโครงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดบุรีรัมย์ ได้จัดเจ้าหน้าที่ออกให้บริการรับลงทะเบียนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ นอกสถานที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน พร้อมชี้แจงระเบียบหลักเกณฑ์ให้ทราบ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ
ทั้งนี้ ในวันแรกได้มีประชาชน และเกษตรกร ที่มีหนี้สินจากการกู้ยืมเงินนอกระบบ เพื่อนำไปใช้จ่ายในครอบครัว ส่งบุตรหลานเล่าเรียน และนำไปลงทุนในการทำการเกษตร มาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการร่วม 1,000 คน
ส่วนมากจากการสำรวจผู้ที่มาลงทะเบียนจะเป็นเกษตรกรมากกว่า 80% ซึ่งจากข้อมูลพบว่า จังหวัดบุรีรัมย์มีผู้มีหนี้นอกระบบกว่า 52,000 ราย มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจาก จ.นครราชสีมา ที่มีผู้มีหนี้นอกระบบมากกว่า 60,000 ราย
นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ประชาชนจังหวัดบุรีรัมย์ ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ค่าครองชีพสูงขึ้น ความต้องการทรัพย์สิน เครื่องอุปโภคบริโภค เกินกว่ารายได้ ทำให้มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น อีกทั้งบางคนไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ จึงต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบ คิดอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่ากฎหมายกำหนด ส่งผลให้ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ จึงเกิดการติดตามทวงหนี้ด้วยการใช้ความรุนแรง ทำให้เกิดปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วย
นายพีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบ ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มนายทุนไม่เอาเปรียบชาวบ้าน และเกษตรกรที่เป็นลูกหนี้ เนื่องจากมีรายได้น้อยไม่เพียงพอใช้จ่ายอยู่แล้ว
ด้าน นายนิยม รัตนเย็นใจ ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ทาง ธ.ก.ส.ได้มีการเปิดจุดรับลงทะเบียนในทุกอำเภอๆ ละ 1 แห่ง และตาม อบต.ต่างๆ อีกกว่า 90 แห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ และคาดว่าจะมีผู้ที่มีหนี้นอกระบบมาลงทะเบียนไม่น้อยกว่า 50,000 ราย จากจำนวนผู้มีหนี้ทั้งจังหวัดกว่า 52,000 ราย
ขณะที่ นายสวาท อรัญ อายุ 48 ปี เกษตรกร บ.หนองไทร ต.หนองสองห้อง อ.เมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า ตนได้กู้ยืมเงินนายทุนในหมู่บ้าน เพื่อไปลงทุนทำนามาประมาณ 5-6 ปี รวมเงินต้นประมาณ 150,000 บาท แต่เนื่องจากบางปีนาข้าวประสบปัญหาภัยแล้งได้ผลผลิตน้อย จึงไม่ได้ส่งดอกเบี้ยตามกำหนด โดยนายทุนจะคิดดอกเบี้ยเป็นข้าว เงินต้น 10,000 บาทต่อข้าว 7 กระสอบ ทำให้ปัจจุบันมีหนี้สินสะสมทั้งต้นและดอกเพิ่มขึ้นเท่าตัว หรือประมาณกว่า 250,000 บาท จึงได้มาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ และมีความคาดหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล
