ตราด - เปิดใจ “เจ้าของเรือประมงไทยเข้าทำประมงกัมพูชา” ชี้ไม่ใช่เรือถูกจับเพียงเสียค่าปรับ ระบุ กัมพูชาไม่ปิดน่านน้ำแต่ห้ามเรือไม่มีสัมปทานเข้าทำประมง ระบุ ชวลิตให้ข่าวผิด ยืนยัน ทั้ง 2 จังหวัดความสัมพันธ์แน่น ชื่นชมคนกัมพูชาตกลงอย่างไรก็เท่านั้น
จากการที่มีข่าวเรือประมงไทย 4 ลำถูกกัมพูชา จับกุมหลังจากกัมพูชาประกาศปิดน่านน้ำเมื่อเร็ว ๆ นี้นั้น “ผู้สื่อข่าว” ได้เดินทางไปพบเจ้าของเรือประมงที่ถูกจับเพื่อสอบสวนถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
นายพร้อมพงษ์ ธานินาวากุล อายุ 50 ปี เจ้าของท่าเรือทรัพย์ชโลธร บ้านบางอิน ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เปิดเผยว่า ข่าวที่ออกไปหลังจากที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ระบุว่า มีเรือประมงกว่า 1,000 ลำ ได้รับผลกระทบจากการปิดน่านน้ำของกัมพูชานั้น ข้อเท็จจริงมีเรือประมงไทยจำนวน 200-300 ลำเท่านั้น ที่ทำประมงในน่านน้ำกัมพูชา และการประกาศปิดน่านน้ำก็ห้ามมิให้เรือประมงไทยที่ไม่มีตั๋วน้ำหรือโผน้ำ (หรือสัมปทานประมงน่านน้ำ) เข้าไปเท่านั้น ซึ่งทุกครั้ง (ทุก 45 วัน) จะมีการต่อสัมปทาน 1 ครั้ง การเปลี่ยนแปลงตัวผู้ว่าราชการจังหวัดก็เป็นเรื่องปกติไม่ได้กระทบอะไร
“ผู้ว่าฯเกาะกงเป็นคนไทย พูดไทยและก็มีบ้านอยู่ใน อ.คลองใหญ่ ผบ.ทบ., ผบ.ทร. ก็เป็นคนไทย เป็นคนคลองใหญ่ ผมและผู้ว่าฯเกาะกงพูดคุยกันรู้เรื่องไม่มีปัญหาอะไร ตั๋วน้ำ ก็มีการต่ออายุกันเป็นประจำอยู่แล้ว และการเสียค่าน้ำก็มีตั้งแต่ 2-30,000 บาท/ลำ/45 ลำ ไปจนถึงหลัก 100,000-300,000 บาท ของผมมีเรือประมง 30-40 ลำ ขนาดตั้งแต่ 12-13 วา จนถึง 45 วา มีลูกเรือกัมพูชา 300-400 คน ทุกลำทำประมงในน่าน้ำกัมพูชาทั้งหมดไม่เคยมีปัญหาใด ๆ เมื่อตั๋วน้ำหมดก็ยังเข้าไปทำประมงได้ เพราะเชื่อใจกัน และวันที่มีข่าวว่าเรือผมถูกจับ 4 ลำก็ไปเสียค่าตั๋วน้ำเท่านั้น”
นายพงษ์พันธ์ ยังกล่าวอีกว่า ทำประมงกับกัมพูชาสบายใจที่สุดเพราะเมื่อจ่ายค่าตั๋วน้ำแล้วทุกอย่างจบไม่มีเรื่องอื่น ๆ เช่น ต้องจ่ายเงินค่าน้ำมันให้หน่วยงานโน้น หรือหน่วยงานนี้ เหมือนที่พม่า ที่จ่ายค่าตั๋วเรือแล้วต้องจ่ายเบี้ยใบ้รายทางอีก ส่วนการเปลี่ยนแปลงผู้ว่าคนใหม่ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับคน อ.คลองใหญ่ อยู่และก็เป็นคนไทย พูดไทย มีบ้านอยู่ในไทยทุกคน
“ผมมองว่า พล.อ.ชวลิต เป็นคนฉลาด แต่คนให้ข้อมูลกับชวลิตเป็นคนไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริง หรือต้องการสร้างปัญหาให้กับชาวประมง บอกได้เลยว่าชวลิตไม่ฉลาดที่ได้ข้อมูลมาก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงใด ๆ ทั้งนั้น”
ในส่วนของความคืบหน้าในการต่อหรือจ่ายตั๋วน้ำในน่านน้ำกัมพูชานั้น คาดว่าอีก 1-2 สัปดาห์น่าจะได้ข้อยุติ และเรือประมงไทยจะสามารถเข้าไปทำประมงได้เร็ว ๆ นี้
จากการที่มีข่าวเรือประมงไทย 4 ลำถูกกัมพูชา จับกุมหลังจากกัมพูชาประกาศปิดน่านน้ำเมื่อเร็ว ๆ นี้นั้น “ผู้สื่อข่าว” ได้เดินทางไปพบเจ้าของเรือประมงที่ถูกจับเพื่อสอบสวนถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
นายพร้อมพงษ์ ธานินาวากุล อายุ 50 ปี เจ้าของท่าเรือทรัพย์ชโลธร บ้านบางอิน ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เปิดเผยว่า ข่าวที่ออกไปหลังจากที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ระบุว่า มีเรือประมงกว่า 1,000 ลำ ได้รับผลกระทบจากการปิดน่านน้ำของกัมพูชานั้น ข้อเท็จจริงมีเรือประมงไทยจำนวน 200-300 ลำเท่านั้น ที่ทำประมงในน่านน้ำกัมพูชา และการประกาศปิดน่านน้ำก็ห้ามมิให้เรือประมงไทยที่ไม่มีตั๋วน้ำหรือโผน้ำ (หรือสัมปทานประมงน่านน้ำ) เข้าไปเท่านั้น ซึ่งทุกครั้ง (ทุก 45 วัน) จะมีการต่อสัมปทาน 1 ครั้ง การเปลี่ยนแปลงตัวผู้ว่าราชการจังหวัดก็เป็นเรื่องปกติไม่ได้กระทบอะไร
“ผู้ว่าฯเกาะกงเป็นคนไทย พูดไทยและก็มีบ้านอยู่ใน อ.คลองใหญ่ ผบ.ทบ., ผบ.ทร. ก็เป็นคนไทย เป็นคนคลองใหญ่ ผมและผู้ว่าฯเกาะกงพูดคุยกันรู้เรื่องไม่มีปัญหาอะไร ตั๋วน้ำ ก็มีการต่ออายุกันเป็นประจำอยู่แล้ว และการเสียค่าน้ำก็มีตั้งแต่ 2-30,000 บาท/ลำ/45 ลำ ไปจนถึงหลัก 100,000-300,000 บาท ของผมมีเรือประมง 30-40 ลำ ขนาดตั้งแต่ 12-13 วา จนถึง 45 วา มีลูกเรือกัมพูชา 300-400 คน ทุกลำทำประมงในน่าน้ำกัมพูชาทั้งหมดไม่เคยมีปัญหาใด ๆ เมื่อตั๋วน้ำหมดก็ยังเข้าไปทำประมงได้ เพราะเชื่อใจกัน และวันที่มีข่าวว่าเรือผมถูกจับ 4 ลำก็ไปเสียค่าตั๋วน้ำเท่านั้น”
นายพงษ์พันธ์ ยังกล่าวอีกว่า ทำประมงกับกัมพูชาสบายใจที่สุดเพราะเมื่อจ่ายค่าตั๋วน้ำแล้วทุกอย่างจบไม่มีเรื่องอื่น ๆ เช่น ต้องจ่ายเงินค่าน้ำมันให้หน่วยงานโน้น หรือหน่วยงานนี้ เหมือนที่พม่า ที่จ่ายค่าตั๋วเรือแล้วต้องจ่ายเบี้ยใบ้รายทางอีก ส่วนการเปลี่ยนแปลงผู้ว่าคนใหม่ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับคน อ.คลองใหญ่ อยู่และก็เป็นคนไทย พูดไทย มีบ้านอยู่ในไทยทุกคน
“ผมมองว่า พล.อ.ชวลิต เป็นคนฉลาด แต่คนให้ข้อมูลกับชวลิตเป็นคนไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริง หรือต้องการสร้างปัญหาให้กับชาวประมง บอกได้เลยว่าชวลิตไม่ฉลาดที่ได้ข้อมูลมาก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงใด ๆ ทั้งนั้น”
ในส่วนของความคืบหน้าในการต่อหรือจ่ายตั๋วน้ำในน่านน้ำกัมพูชานั้น คาดว่าอีก 1-2 สัปดาห์น่าจะได้ข้อยุติ และเรือประมงไทยจะสามารถเข้าไปทำประมงได้เร็ว ๆ นี้
