ศูนย์ข่าวศรีราชา - เผยเด็ก 6 ขวบเหยื่อสารเคมีรั่วนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล พบเลือดติดเชื้อ เพราะได้รับสารเคมีบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย โดยไม่มีหน่วยงานใดเข้ามารับผิดชอบ ด้านตำรวจแหลมฉบังเร่งสอบปากคำเจ้าหน้าที่ศุลกากร-ท่าเรือ-บริษัทนำเข้าสารเคมี ส่วนชาวบ้านยังทยอยตรวจร่างกาย
วันนี้ (30 พ.ย.) ที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง พ.ต.ท.รัฏฐ ประทุมแก้ว รอง ผกก.สส.สภ.แหลมฉบัง และรองหัวหน้าชุดทำคดีสารเคมีรั่วไหลจากท่าเทียบเรือ บี3 ท่าเรือแหลมฉบัง ได้เดินทางเข้าสอบปากคำ นายหาญศักดิ์ วัลลศิริ ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร ถึงการนำเข้าสารเคมีอันตรายดังกล่าว มีขั้นตอนการดำเนินการอะไรที่เกี่ยวข้องกับศุลกากรบ้างหรือไม่ โดยใช้เวลาในการสอบปากคำประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้น ก็ได้เดินไปสอบปากคำเจ้าหน้าที่ของการท่าเรือแหลมฉบังและบริเวณที่นำเข้าสารเคมีอันตรายเข้ามา
การสอบปากคำในครั้งนี้จะสอบปากคำทั้ง 3 หน่วยงานให้แล้วเสร็จในวันนี้ โดยยังไม่ทราบว่าจะสอบปากคำกี่คนในแต่ละสถานที่ ซึ่งขึ้นอยู่กับหน่วยงานใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของสารเคมีรั่วไหลมากกว่า ก็จะต้องสอบปากคำในส่วนนั้นไว้ ซึ่งขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว เพราะมีการสอบปากคำชาวบ้านไปกว่า 130 ปาก อย่างไรก็ตาม การรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆจะต้องใช้เวลาอีกซักระยะหนึ่ง ถึงจะสรุปถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลอะไรได้
ด้าน น.ส.ชิตชิรา กฤษณะภูติ มารดาของ เด็กหญิงปภาวรินทร์ กฤษณะภูติ อายุ 6 ขวบ ชาวบ้านแหลมฉบัง กล่าวว่า ขณะนี้ลูกสาวได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลจากท่าเทียบเรือบี 3 ท่าเรือแหลมฉบังอย่างแน่นอน เพราะในวันเกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลลูกสาวได้กลิ่นก็เกิดอาเจียน
จากนั้นก็เดินทางไปโรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 1 แต่อาการยังไม่ดีขึ้น ตนจึงได้พาลูกไปหาหมอที่โรงพยาบาลอ่าวอุดม เพื่อตรวจเช็คร่างกายอีกครั้ง โดยทางโรงพยาบาลได้ตรวจเช็คร่างกายและแจ้งว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก พร้อมให้ยาแก้ไอ ยาแก้อาเจียน และเกลือแร่ มารับประทาน หลังจากออกจากโรงพยาบาลอ่าวอุดมอาการก็ไม่ดีขึ้น มีไข้ขึ้นสูง อาเจียน และเวียนศีรษะ รับประทานข้าวไม่ได้ จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา
น.ส.ชิตชิรา กล่าวต่อว่า เมื่อเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา ทางแพทย์ได้ทำการเจาะเลือดไปตรวจพิสูจน์พบเลือดติดเชื้อ ได้รับสารเคมีบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย มีเม็ดเลือดแดงไหลออกมาจากปัสสาวะ ที่สำคัญ พบว่า เม็ดเลือดขาวสูงมากผิดปกติ ซึ่งขณะนี้ทางครอบครัวหวั่นวิตกเป็นอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดออกมารับผิดชอบอย่างจริงจังเลย ในเรื่องค่าใช้จ่ายที่นอนรักษาตัว โดยที่ผ่านมาปฏิเสธว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง และเด็กก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เมื่อมารักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา กลับเป็นหลายโรคและอันตรายมาก ซึ่งเรื่องนี้ใครจะออกมารับผิดชอบดังกล่าว” น.ส.ชิตชิรา กล่าว
ด้าน น.ส.ปิยวรรณ คำภาลา อายุ 23 ปี อาชีพรับจ้างและเช่าบ้านพักอยู่ในแหลมฉบัง กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนได้รับสารเคมีรั่วไหลในวันดังกล่าว และก็มีปัญหาต่อร่างกายคือ เวียนศีรษะ ,ปวดหัว ,อาเจียร โดยไม่สามารถทำงานได้หลายวัน แต่ตนไม่ได้เป็นคนหมู่บ้านแหลมฉบัง ซึ่งไม่มีเลขที่บ้าน ซึ่งเรื่องนี้เทศบาลได้ออกมาชี้แจงว่า จะไม่มีส่วนได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นประชากรแฝง
“เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นคนไทยเหมือนกัน โดยไม่ควรจะแยกว่าเป็นฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ และไม่ต้องการจะเรียกร้องค่าเสียหายอะไร แต่ขอเพียงเข้ามาดูแลด้านการรักษาพยาบาลบ้าง เนื่องจากได้รับผลกระทบอย่างมากจากสารเคมีที่รั่วไหลครั้งนี้” น.ส.ปิยวรรณ กล่าว
