xs
xsm
sm
md
lg

ปิดฉากประชุมหอการค้าทั่วประเทศที่เชียงใหม่/จ่อยื่นแผนพัฒนา ศก.ฉบับเอกชนเสนอรัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – ปิดฉากประชุมหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 27 ที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมได้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยฉบับภาคเอกชน เตรียมนำเสนอรัฐบาลเพื่อผลักดันสู่การนำไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม ชี้เป็นจุดเริ่มต้นของการกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างที่รัฐกับเอกชนในการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน



วันนี้ (29 พ.ย.) ที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน จังหวัดเชียงใหม่ การประชุมหอการทั่วประเทศครั้งที่ 27 ได้มีพิธีปิดหลังการประชุมเสร็จสิ้นลงแล้ว โดยก่อนหน้าพิธีปิด นายฉัตรชัย บุญรัตน์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ได้นำเสนอผลการสัมมนาและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยของหอการค้าไทยที่ได้จากการประชุมในครั้งนี้ ซึ่งจะมีการนำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อผลักดันสู่การนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในลำดับต่อไป

รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า กรอมการประชุมสัมมนาในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์โดยภาคเอกชนร่วมกับภาครัฐ ผ่านกลไก กรอ.กลาง กรอ.กลุ่มและ กรอ.จังหวัด 2.ยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจโดยหอการค้าไทย ที่มุ่งจุดหมายเดียวกันทั้งระดับประเทศ ระดับกลุ่มธุรกิจและระดับกลุ่มจังหวัด และ 3.การเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนปลงที่จะเกิดขึ้น ทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและการรวมกลุ่มเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ AEC

สำหรับยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตามแผนนี้ มีวิสัยทัศน์ว่าประเทศไทยเป็นประเทศชั้นนำของภูมิภาคเอเชียที่มีความแข็งแกร่ง มีภูมิคุ้มกันทางด้านเศรษฐกิจ มีระบบการเมืองการปกครองที่มั่นคงและมุ่งขจัดคอรัปชั่น ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ การส่งเสริมจริยธรรมและธรรมาภิบาล การรักษาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต และการป้องกันและเฝ้าระวังปัญหา ซึ่งแนวทางการผลักดันจะมีการนำไปเชื่อมโยงในใน 7 กลุ่มธุรกิจ และ 18 กลุ่มภูมิภาค

ขณะเดียวกัน ย้ำว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้น การพัฒนาโลจิสติกส์และการส่งเสริมการค้าชายแดน เป็นกลไกแห่งความสำเร็จ โดยมีเป้าหมายที่จะลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศจาก 19% ต่อ GDP ในปัจจุบัน ให้เหลือ 15% ต่อGDP ภายในปี 2555 และมีการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศผ่านด่านชายแดนมากขึ้น

โดยแผนงานด้านโลจิสติกส์นั้น จะทำการปรับลดต้นทุนการขนส่ง การจัดการสินค้าคงคลังและการกระจายสินค้า เปลี่ยนการขนส่งทางถนนไปสู่ทางรางและน้ำมากขึ้น โดยเฉพาะรถไฟรางคู่เพื่อการขนส่งสินค้าและรถไฟความเร็วสูงเพื่อขนส่งคนเพื่อการท่องเที่ยว การปรับระบบขนส่งทางบก ทางรางและทางน้ำสู่ระบบสากล มีศูนย์กลางเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ที่สมบูรณ์รองรับเชื่อมโยงภูมิภาค และทำ National Single Window ให้สมบูรณ์โดยเร็ว

ส่วนการปรับโครงสร้างด้านโลจิสติกส์ มีประเด็นยุทธศาสตร์ ได้แก่ การสร้างระบบโลจิสติกส์ในภาคการผลิต การค้าและบริการ การเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งและโลจิสติกส์ การปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้า และการพัฒนากลไกขับเคลื่อนยุทธศาสตร์โลจิสติกส์ ขณะที่ยุทธศาสตร์การค้าชายแดนนั้น มีประเด็นยุทธศาสตร์ ได้แก่ การยกระดับด่านชายแดน การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม การปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบ การเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก

ในส่วนของการใช้ กรอ.เป็นกลไกสู่การปฏิบัตินั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดและภาคเอกชนต้องให้ความสำคัญกับ กรอ.จังหวัด ในการเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดและประเทศ ดังนั้นภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมกันกำหนดวาระการประชุมและการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เกิดผลอย่างจริงจัง พร้อมกันนี้ควรมีการปรับปรุงโครงสร้าง กรอ.จังหวัดให้เหมาะสม ควรมีงบประมาณสนับสนุนอย่างเพียงพอ และผลักดันให้มีการประชุม กรอ.จังหวัดอย่างสม่ำเสมอ

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจอย่างจริงจังนั้น ทางหอการค้าไทยจะนำเสนอแผนเพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ต่อรัฐบาลและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนหอการค้าจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจของหอการค้าไทยผ่าน กรอ.จังหวัด โดยหอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจะมีการติดตามการดำเนินงานและประเมินผลการดำเนินการตลอดจนปรับปรุงแผนพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

ด้าน นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย ซึ่งเป็นประธานกล่าวปิดการประชุมหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 27 ในครั้งนี้ ระบุว่า ผลที่ได้จากการประชุมในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญ ที่จะเป็นแนวทางในการทำงานร่วมกันอย่างจริงจังเพื่อทำให้เศรษฐกิจของประเทศพัฒนา มีความเจริญเติบโตต่อเนื่องและยั่งยืน ทั้งนี้แม้การประชุมจะเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่ในภารกิจการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นและเข้าสู่กระบวนการปฏิบัติอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม ซึ่งเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือของทุกฝ่ายทำให้เรามีความพร้อมที่จะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าด้วยกันได้

นอกจากนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลการสำรวจความคิดเห็นเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจและแนวทางแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ในมุมมองของผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 27 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 270 ตัวอย่างจากผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งร้อยละ 27.2 ของกลุ่มตัวอย่างเห็นว่าสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ รองลงมาเป็นภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ร้อยละ 19.2 ราคาน้ำมัน ร้อยละ 17.4 ความเชื่อมั่น ร้อยละ 15 และราคาวัตถุดิบที่สูง ร้อยละ 7.8

ส่วนปัญหาที่รัฐบาลควรเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด คือ สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง ร้อยละ 23.8 รองลงมาเป็นความเชื่อมั่นร้อยละ 18.9 และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ร้อยละ15.9 ด้านอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2553 นั้น ร้อยละ 45.4 เห็นว่าน่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 2.01-3 ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นยังมีไม่เต็มที่ สำหรับการประเมินผลงานของรัฐบาลโดยรวมนั้น ให้คะแนน 5.3 จากเต็ม 10

สำหรับการจัดทำแผนยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจของหอการค้าไทยนั้น กลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยมากถึงมากที่รวมกันกว่าร้อยละ 83 และมีความเชื่อมั่นในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์มากถึงมากที่สุดรวมกับเกือบร้อยละ 60 ส่วนสิ่งที่กังวลว่าจะเป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนนั้น ร้อยละ 24.8 ห่วงการยอมรับในยุทธศาสตร์และข้อเรียกร้องของภาครัฐ ร้อยละ 29.1 ห่วงการประสานงานระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ขณะที่สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงสำหรับประเทศไทยในปัจจุบันนั้น ร้อยละ 34.8 เห็นว่า เป็นสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งในสังคม รองลงมาเป็นความไม่แน่นอนทางการเมือง ร้อยละ 31


กำลังโหลดความคิดเห็น