xs
xsm
sm
md
lg

คดีฆ่ารัดคอเด็กหญิง 11 ขวบใกล้ถึงทางสว่าง คาดผลดีเอ็นเอ ออกมาชี้ชัดตัวฆาตกรทมิฬพรุ่งนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เพื่อนร่วมชั้นเรียนของน้องนันทิชา มูลสูตร หรือน้องเฟิร์น
ฉะเชิงเทรา - คดีฆ่ารัดคอเด็กหญิง 11 ขวบ ใกล้ถึงทางสว่าง หลังเจ้าหน้าที่เร่งตรวจผลดีเอ็นเอ คาด ออกมาชี้ชัดฆาตกรทมิฬได้บ่ายวันพรุ่งนี้ ขณะบรรยากาศที่โรงเรียนครูอาจารย์ เพื่อนนักเรียนยังอยู่ในความเศร้า เผยเป็นเด็กเรียนเก่งชั้นแนวหน้าของโรงเรียน มีคะแนนเกรดเฉลี่ยสูงถึง 3.75 จนได้รับคัดเลือกให้ได้รับทุนการศึกษาเรียนดีแต่ยากจน ทั้งสร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียนหลากหลายด้าน ขณะญาติผู้ใหญ่แฉ หลานสาวเกิดมาในชีวิตครอบครัวสุดอนาถา ไม่มีแม้แต่เงินจัดงานสวดศพ

วันนี้ (25 พ.ย.) เวลา 13.30 น. พ.ต.อ.ณัฐสิทธิ์ บุญน่วม ผกก. สภ.สนามชัยเขต กล่าวถึงความคืบหน้าของคดี ดญ.นันทิชา มูลสูตร หรือ น้องเฟิร์น อายุ 11 ขวบ นักเรียนชั้น ป.5 ของโรงเรียนบ้านท่าซุง ถูกคนร้ายลวงออกจากบ้านพักกลางดึก ก่อนพาไปข่มขืนแล้วฆ่ารัดคอทิ้งอย่างโดเหี้ยม ที่บริเวณกลางไร่มันสำปะหลัง ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วอย่างต่อเนื่องล่าสุดว่า ขณะนี้สามารถติดตามพบตัวผู้ต้องสงสัยที่ใกล้ชิดกับครอบครัวนี้ ได้ครบทั้งหมด 5 คนแล้ว

โดยรายสุดท้ายสามารถนำตัวมาสอบปากคำ และเก็บตัวอย่างหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ได้เมื่อช่วงค่ำวานนี้ และยังตรวจพบว่าผู้ต้องสงสัยรายสุดท้ายนี้มี ปัสสาวะเป็นสีม่วง เช่นเดียวกับผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 รายที่ผ่านมา จึงได้ควบคุมตัวมาดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงมั่นใจว่า คนร้ายที่ก่อเหตุข่มขืน และฆ่ารัดคอเด็ก 11 ขวบ รายนี้ ยังคงเป็นคนเดิมที่มีบาดแผลรอยขีดข่วนตามร่างกาย และให้การวกวน ซึ่งเข้าข่ายต้องสงสัยมากที่สุด

ส่วนผลการตรวจหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พร้อมตัวอย่าง ดีเอ็นเอ ของผู้ต้องสงสัยจำนวน 10 คนแรก จะได้ผลการตรวจออกมาในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ หลังจากทางตำรวจได้เร่งรัดขอผลการตรวจไป ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยังคงทำงานอยู่ในพื้นที่ต่อไป เพื่อค้นหาหลักฐานที่อาจหลุดรอดไปในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม

ขณะที่บรรยากาศภายในโรงเรียนบ้านท่าซุง ม.3 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา สถานศึกษาประจำหมู่บ้านในวันนี้ ยังคงอยู่ในความตกตะลึงต่อเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้น หลังเหยื่อต้องมาถูกทำร้าย และฆ่าทิ้งอย่างทารุณโหดเหี้ยม โดย นายธวัช วงศ์กลม อายุ 50 ปี ผอ.โรงเรียนบ้านท่าซุง กล่าวว่า หลังทางโรงเรียนทราบข่าวการเสียชีวิต ของ ดญ.นันทิชา มูลสูตร ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ต่างพากันฝันเสียไปตามๆ กัน ทั้งครูในโรงเรียน และเพื่อนนักเรียน ในพบศพทั้งครูและนักเรียนต่างก็พากันไปดูยังที่เกิดเหตุ และพากันร้องไห้ไปตามกัน

สำหรับน้องเฟิร์นนั้น ถือว่า เป็นเด็กเรียบร้อย นิสัยดี เรียนดี ได้เกรดเฉลี่ยสูงถึง 3.75 ที่ผ่านมาได้เคยสร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียน คือ การคัดลายมือได้ที่ 1 จากการแข่งขันระดับกลุ่มสถานศึกษาในเขตพื้นที่ อ.สนามชัยเขต และได้รางวัลที่ 2 จากการคัดลายมือ ในการแข่งขันระดับเขตพื้นที่การศึกษาของจังหวัดฉะเชิงเทรา จึงจัดได้ว่าเป็นเด็กที่เขียนลายมือสวย ส่วนการแข่งขันตีกลองยาวนั้น ทางโรงเรียนได้เริ่มเตรียมการฝึกหัดให้นักเรียนตีกลองยาวมาตั้งแต่เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมส่งไปร่วมประกวดการแข่งขันดนตรีพื้นบ้าน ซึ่งน้องเฟิร์นก็มีความสามารถเรียนรู้ได้เร็ว และทำได้ดี จนถูกคัดเลือกให้เป็นมือกลองยาว ซึ่งมีนักเรียนหญิงเพียง 5 คนเท่านั้น ที่ได้เข้าร่วมเป็นมือกลองยาวจากผู้ร่วมแสดงทั้งหมด 30 คน

ซึ่งในวันที่หายตัวไปนั้น ทางโรงเรียนได้นัดแนะกับเด็ก และผู้ปกครองไว้ว่า จะเริ่มออกเดินทางจากโรงเรียนในเวลา 06.00 น.แต่เด็กไม่มาตามนัด และผู้ปกครองได้เดินทางมาบอก และสอบถามกับทางโรงเรียนว่า เด็กมาที่นี่หรือไม่ ปรากฏว่ายังไม่มาจึงได้ออกตามหากันในวันนั้น แต่ไม่พบตัว

ด้าน นางศิริพร ชัยวงษ์ อายุ 31 ปี ครูประจำชั้น ป.5 ห้องเรียนของน้องเฟิร์น กล่าวว่า น้องเฟิร์น เป็นเด็กน่าตาน่ารัก นิสัยดีเรียบร้อย และเรียนเก่ง แม้จะมีฐานะยากจน แต่เป็นคนเรียนดี และมีความขยัน จึงได้รับทุนการศึกษา “เรียนดีแต่ยากจน” จากภาคเอกชน เมื่อช่วงเดือน มิ.ย.2552 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังเป็นคนมีน้ำใจ ได้ช่วยเหลืองานเล็กๆ น้อยๆ ของครูในห้องเรียนมาโดยตลอด ทั้งการห่อปกหนังสือ การทำกิจกรรมจัดบอร์ด

หลังทราบข่าวการหายตัวไปก็รู้สึกเป็นกังวลใจ เกรงว่า เด็กจะได้รับอันตราย ครั้งแรกก็คิดในทางที่ดีว่าผู้เป็นมารดาที่แท้จริงมารับตัวไปหรือไม่ ทั้งยังได้ไปติดตามดูถึงยังที่บ้านพัก เมื่อเห็นผู้ปกครองยังออกตามหาอยู่ ก็ได้คอยสอบถามข่าวจากผู้ใหญ่บ้านที่ออกตามหาอยู่ด้วยตลอดทั้งวันว่า พบตัวหรือไม่ และเมื่อมาทราบว่าเสียชีวิต จึงรู้สึกตกใจมาก และคิดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ ของสังคมไทย ซึ่งเค้ายังเป็นเด็กไร้เรียงสาอยู่ จึงได้รีบพากันไปดูยังที่เกิดเหตุ เพราะอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก “คนที่ทำร้ายเด็ก ไม่น่าจะกระทำได้โหดเหี้ยม ใจร้ายกันขนาดนี้”

และกล่าวต่ออีกว่า สำหรับในห้องเรียนชั้น ป.5 นั้น มีนักเรียนรวม 18 คน เป็นเด็กนักเรียนชาย 11 คน เด็กนักเรียนหญิง 7 คน จากนักเรียนในโรงเรียนทั้งหมด 173 คน โดยน้องเฟิร์น จะนั่งเรียนอยู่แถวกลาง โต๊ะด้านหน้าสุดจากทั้งหมด 3 แถว เพราะเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน

ส่วนด้าน นางสายพิน เหมือนศรี อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 651 ม.6 ต.ลาดกระทิง ซึ่งมีศักดิ์เป็นย่าของน้องเฟิร์น (อาของพ่อเหยื่อเคราะห์ร้าย) กล่าวว่า ครอบครัวของน้องเฟิร์นนั้น มีฐานะยากจน ซึ่งผู้เป็นพ่อของเด็กไม่มีแม้กระทั่งเงินในการจัดงานพิธีศพของลูกสาว โดยบรรดาญาติๆ จึงต่างพากันร่วมลงขัน เพื่อนำเงินมาช่วยเหลือกันจัดงานพิธีสวดพระอภิธรรมศพให้ตั้งแต่วันแรก และใช้เป็นทุนในการสวดศพตลอดทั้ง 3 คืน

แต่เมื่อคืนวานนี้ ซึ่งเป็นการจัดพิธีสวดศพ เป็นวันที่ 2 ได้มีคณะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของ สภ.สนามชัยเขต บรรดาครูอาจารย์ในโรงเรียน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ด้านการศึกษาที่เกี่ยวข้อง และชาวบ้านได้เดินทางมาร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพจำนวนมากกว่าวันแรก ถึงกว่า 100 คน จึงทำให้มีเงินช่วยเหลือเข้ามาบ้าง ขณะนี้จึงได้แต่ขอภาวนาให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพื่อที่จะได้กระทำการฌาปนกิจศพ ของน้องเฟิร์นให้เรียบร้อยเสร็จสิ้นต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น