บุรีรัมย์ - ประธานหอค้าไทย ย้ำเห็นด้วยกับจุดยืนรัฐบาล ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกัมพูชา เตือนนักธุรกิจติดตามความเคลื่อนไหว และปรับตัวตามสถานการณ์บ้านเมือง พร้อมวิงวอนคนเป็นปรปักษ์ต่อชาติไทยให้คิดถึงผลดีผลเสีย เผยมั่นใจเศรษฐกิจภาพรวมปีหน้าฟื้นเป็นบวก หลังมีออเดอร์ต่างชาติสั่งสินค้าต่อเนื่อง ถือเป็นสัญญาณที่ดี
วันนี้ (8 พ.ย.) นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังเดินทางมาประชุมหารือเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจไทย ร่วมกับ นายรัชพล ตระหนักยศ ประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ และคณะกรรมการหอการค้าฯ ที่สำนักงานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ ว่า เห็นด้วยกับการรัฐบาลที่มีมาตรการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศกัมพูชา ถือว่าเป็นการแสดงจุดยืนในความเป็นเอกราชของไทย เพราะถ้าหากไม่ใช้มาตรการตอบโต้ก็จะถูกกล่าวหาว่า รัฐบาลไทยอ่อนแอ และจะถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม
ส่วนกลุ่มนักธุรกิจ เองขอให้ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะปรับเปลี่ยนไปในรูปแบบไหน เพื่อจะได้ปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะขณะนี้รัฐบาลเพียงใช้มาตรการทางการทูตขั้นที่ 1 หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นรัฐบาลอาจปรับใช้มาตรการที่ 2 และ 3 ต่อไป
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า รัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ซึ่งจากการตรวจเยี่ยม 4 จังหวัด อีสานตอนล่าง ได้แก่ จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์ โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดแนวชายแดนติดประเทศกัมพูชา ขณะนี้พบว่า ยังไม่ส่งผลกระทบกับนักธุรกิจในพื้นที่มากนัก
“เชื่อมั่นว่า การที่รัฐบาลไทยแสดงจุดยืนชัดเจนจะเป็นผลดีกับประเทศ และขอให้บุคคลที่คิดจะเป็นปรปักษ์กับไทย ควรคิดก่อนว่าถูกต้องหรือไม่ ประชาชนได้รับประโยชน์ หรือมีผลเสียอะไรกับประเทศชาติของตัวเองบ้างหรือไม่ และเชื่อว่า สถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายในที่สุด” นายดุสิต กล่าว
นายดุสิต กล่าวอีกว่า จากการประเมินสภาวะเศรษฐกิจในประเทศโดยรวมขณะนี้ ได้เริ่มกระเตื้องขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งมองจากไตรมาสที่ 1 เศรษฐกิจติดลบไปถึงร้อยละ 7 ไตรมาสที่ 2 ติดลบลดลงเหลือร้อยละ 4-5 ส่วนไตรมาสที่ 3 ติดลบเพียงร้อยละ 2-3 เชื่อว่า ไตรมาสที่ 4 ปีนี้ที่เหลือ เศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้นกว่าทุกไตรมาสที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะขณะนี้ได้มีออเดอร์สั่งสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาบ้างแล้ว ถึงแม้เป็นจำนวนน้อยแต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจไทย พร้อมทั้งจะส่งผลผลักดันให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 ดีขึ้นตามไปด้วย หลังจากได้ซบเซามาชั่วระยะหนึ่ง
“เชื่อว่า เศรษฐกิจในปี 2553 จะดีกว่าปี 2552 อย่างแน่นอน ปีนี้ถึงแม้ติดลบบ้างแต่ปีหน้าเศรษฐกิจโดยรวมจะเป็นบวกอย่างแน่นอน ประกอบกับงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะออกมาเป็นช่วงที่ 2 จะส่งผลให้เกิดสภาพคล่อง สร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจ และลงทุนได้เป็นอย่างดี” นายดุสิต กล่าว