บุรีรัมย์ – “มทภ.2” ประสานผู้ว่าฯ อีสานใต้พื้นที่ติดชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 4 จังหวัด สร้างความเข้าใจปชช.ในพื้นที่อย่าตื่นตระหนกกรณี “ฮุน เซน”หยามไทยแทนคุณ “นช.แม้ว” ยันเหตุการณ์แนวชายแดนยังปกติ ด้านผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ กำชับนายอำเภอชายแดนดูแลคุมเข้มพื้นที่เป็นพิเศษ ร่วมกับ ตร.-ทหาร ขณะปธ.หอค้าบุรีรัมย์ รับผลกระทบธุรกิจการค้าท่องเที่ยวไม่มั่นใจความปลอดภัย เชื่อคนกัมพูชารับกรรมมากกว่า เหตุต้องซื้อเครื่องอุปโภค-บริโภคจากไทย
วันนี้ (6 พ.ย.) พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) กล่าวภายหลังเดินทางมาร่วมประชุมแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ ที่ จ.บุรีรัมย์ ว่า จากที่รัฐบาลไทยกับกัมพูชา ได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน โดยการเรียกเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายกลับประเทศ จนเกิดสถานการณ์ตรึงเครียดนั้น กรณีดังกล่าวจะประสานความร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดอีสานตอนล่างที่มีพื้นที่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 4 จังหวัด ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่อยู่ในความสงบ ไม่ให้ตื่นตระหนก
เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยังเป็นปกติ และเชื่อว่าอีกไม่นานรัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ส่วนด้านการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน ก็ได้สั่งให้มีการตรึงกำลังไว้เท่านั้น ยังไม่มีการเสริมกำลังแต่อย่างใด
พล.ท.วีร์วลิต กล่าวอีกว่า ด้านระดับนโยบาย นั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา ส่วนกองกำลังทหารในระดับพื้นที่ ทางกองทัพภาคที่ 2 ก็ได้ติดต่อประสานพูดคุยกับผู้นำทหารภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา ขณะนี้ยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันอยู่ พร้อมทั้งจะได้พูดคุยหารือเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกันมากยิ่งขึ้นด้วย
ด้านนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ได้กำชับให้นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่มีพื้นที่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 3 อำเภอของ จ.บุรีรัมย์ คือ อ.โนนดินแดง อ.บ้านกรวด และ อ.ละหานทราย ให้ดูแลด้านความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเข้มงวด หลังจากทั้ง 2 ประเทศได้มีการเรียกเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายกลับประเทศ จนทำให้เกิดสถานการณ์ตรึงเครียด พร้อมทั้งให้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ที่อาศัยทำมาหากินตามแนวชายแดน ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเข้าไปหาของป่าระหว่างเขตติดต่อ เพราะเกรงจะเกิดความไม่ปลอดภัย หากสถานการณ์รุนแรงบานปลาย
สำหรับความสัมพันธ์ระดับพื้นที่ของราษฎรตามแนวชายแดนระหว่าง 2 ประเทศนั้น ขณะนี้ยังดำเนินวิถีชีวิตและไปมาหาสู่กันตามปกติ ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัย ก็ได้ประสานความร่วมมือกับฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ให้ดูแลคุมเข้มพื้นที่เป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีการเสริมกำลังตามแนวชายแดนแต่อย่างใด เพียงให้มีการตรึงกำลังหากเกิดสถานการณ์บานปลายขึ้นเท่านั้น
ขณะที่นายรัชพล ตระหนักยศ ประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวยอมรับว่า หลังรัฐบาลไทยกับกัมพูชาได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกัน จะส่งผลกับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจที่ค้าขายส่งออกสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค ตามจุดผ่อนปรนและด่านผ่านแดนถาวร ในจังหวัดต่างๆ ที่มีพื้นที่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อีกทั้งยังจะส่งผลกระทบกับธุรกิจการท่องเที่ยว ทำให้มีการชะลอเนื่องจากประชาชนและนักท่องเที่ยวไม่มั่นใจในความปลอดภัย ที่จะเดินทางไปเที่ยวตามแนวชายแดนและในฝั่งประเทศกัมพูชา
นอกจากนั้น ยังจะกระทบกับการเสนอขอเปิดจุดผ่านแดนถาวร บริเวณช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ที่ทางหอการค้าฯ ได้มีแนวทางในการผลักดัน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการและพิจารณาของทางจังหวัดฯ เพื่อยกระดับด้านการค้าการลงทุน ก็ต้องชะลอตามไปด้วย จนกว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา จะกลับมาแน่นแฟ้นเหมือนเดิม
“หากสถานการณ์รุนแรงบานปลาย ถึงขั้นมีการสั่งปิดพรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับราษฎรชาวกัมพูชามากกว่า เพราะต้องซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคจากไทย อย่างไรก็ตามคาดว่าสถานการณ์ไม่น่าจะรุนแรง เชื่อว่ารัฐบาลระหว่างสองประเทศน่าจะพูดคุยเจรจากันได้” นายรัชพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ประชาชนชาวบุรีรัมย์ ที่นิยมเดินทางไปเสี่ยงโชคเล่นการพนันในบ่อนกาสิโนชายแดนฝั่งประเทศกัมพูชา ด้าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ในวันนี้ส่วนใหญ่งดเดินทางเพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย หวั่นเกรงต่อสถานการณ์ระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดอยู่ขณะนี้