xs
xsm
sm
md
lg

“ว.วชิรเมธี” เทศน์ ตร.เชียงราย-ย้ำอย่ามักมากในลาภยศ ต้องทำงานเป็นข้าฯ พระเจ้าอยู่หัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย – พระมหา ว.วชิรเมธี เทศนาตำรวจเชียงราย “เป็นข้าฯ พระเจ้าอยู่หัว อย่าเห็นแก่ลาภยศ” ยกตัวอย่าง “พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร” สอนใจผู้พิทักษ์สินติราษฎร์เมืองพ่อขุนฯ ชี้ทำงานรับใช้ในหลวง 11 ปี 8 เดือน ต้องปิดทองหลังพระ และถูกดองเค็มจากกรมตำรวจ สุดท้ายก็เกษียณอย่างมีเกรียติ ย้ำ “อย่ามักมากในลาภยศ”

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่าวันนี้ (6 พ.ย.) กองบังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงราย ได้จัดให้มีการเสวนาธรรมโดยพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี) วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม และผู้ทรงคุณวุฒิ ณ ห้องประชุมสมเด็จย่า มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ตั้งอยู่ ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมีตำรวจจากทุกท้องที่ในความรับผิดชอบของ ภ.เชียงราย เข้ารับฟังการเสวนาธรรมประมาณ 1,800 นาย

กิจกรรมดังกล่าวมีขึ้นเพื่อให้ความรู้ เปิดโลกทัศน์ การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และการรักษาคุณธรรมเพื่อให้สมเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แก่ตำรวจในเชียงรายซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ทั่วพื้นที่เชียงราย

ก่อนการจัดเสวนาธรรม พ.ต.อ.สมสง่า ชรินทร์ รอง ผบก.ภ.เชียงราย ได้กล่าวรายงานและ พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.เชียงราย ได้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและทำความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นได้เริ่มการเสวนาธรรมระหว่างมหาวุฒิชัยและนายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย โดยมีนายปรีชา ปานะนนท์ นักแสดงชื่อดังปัจจุบันเป็นผู้จัดการฝ่ายสื่อสารและการตลาด บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ทั้ังนี้ ได้เริ่มการเสวนาได้มีการให้แต่ละท่านได้ให้ความหมายของคำว่า “ข้าราชการ” ซึ่งทางพระมหาวุฒิชัยให้ความหมายว่า คือ “การทำงานแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ถ้าทำดีก็ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่หากปฏิบัติไม่ดีก็ในพระบาทสมเด็จพระอยู่หัวเช่นกันจึงขอให้ตำรวจทุกนายคำนึงให้ดี

พระมหาวุฒิชัย ให้ข้อคิดว่า ทุกคนจะต้องมีคุณธรรมเป็นเสมือนดวงดาวที่ทำให้รู้ทิศในตอนกลางคืนแต่ดาวเป็นสิ่งอยู่บนฟ้า ต้องนำลงมาใช้เป็นทิศทางในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็คือ “คุณธรรม” นั่นเอง คุณธรรมยังแตกแขนงออกเป็นความดีต่างๆ เช่น ศีลธรรม จริยธรรม ฯลฯ สำหรับคนเป็นตำรวจไม่ต้องคิดเรื่องนี้มากเพราะมีจรรยาบรรณ 8 ข้อที่มีมาตั้งแต่เป็นกรมตำรวจนานแล้ว ซึ่งหากยึดมั่นตามนั้นก็จะได้ชื่อว่า เป็นคนมีคุณธรรม

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การเสวนาธรรมได้มีการนำเสนอจรรยาบรรณของตำรวจมาวิเคราะห์ทีละข้อ โดยข้อแรก คือ “เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่” ซึ่งมหาวุฒิชัยให้ความหมายว่า คือความตั้งใจในการทำหน้าที่ตำรวจ คือการพิทักษ์สันติราษฎร์ รักษากฎหมาย ถ้าตำรวจตั้งในทำงานข้าราชการก็ประสบความสำเร็จได้ แต่ถ้าตำรวจไม่พิทักษ์สันติราษฎร์ก็จะเป็นตำรวจที่ล้มเหลวทันที

ส่วนข้อสองคือ “ความกรุณาปรานีต่อประชาชน” มหาวุฒิชัยระบุว่า เป็นเรื่องที่ยากต่ออาชีพตำรวจที่จะต้องทำงานปราบปราม แต่ขอให้คำนึงว่า จะต้องให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีเป็นผู้ต้องหาก่อนไม่ใช่คนกระทำผิดทันที และใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการรักษาความยุติธรรม ไม่ใช่ทำกฎหมายเป็นความยุติธรรม ไม่เช่นนั้นจะนำกฎหมายไปทำร้ายกลุ่มฝ่ายตรงกันข้าม

“ความกรุณาปรานีต่อประชาชนที่ทำได้ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่คนมักไม่ทำกัน เพราะเมตตา กรุณานั้นทำได้ แต่คนมักจะไม่มุทิตาและอุเบกขา เพราะสังคมไทยยังมีเรื่องทิฐิและความอิจฉาริษยากันสูง หากใครทำดีจนเด่นเกินตัวก็จะถูกดึงลงมา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก ดังนั้น เพื่อแก้ไขเรื่องนี้ตำรวจจะต้องมีคุณธรรมข้อต่อไปคือความอดทน” พระมหาวุฒิชัย กล่าว

พร้อมกับยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนในปัจจุบัน คือ การที่ตำรวจถูกเกรงกลัวโดยประชาชนทั่วไป หรือบางครั้งมองตำรวจในทางลบ ดังนั้น ตำรวจต้องอดทนต่อภาวะเช่นนี้และอย่าได้น้อยใจหรือแค้นใจที่ทำดีแล้วคนมองไม่เห็นความดีของตัวเอง โดยต้องทำใจให้กว้างกว่าคนธรรมดาและเป็นตำรวจยอดคนคือ ให้ในสิ่งที่ใครๆ ก็ให้ไม่ได้ ทนในสิ่งที่คนอื่นเขาทนไม่ได้ และยอมในสิ่งที่คนอื่นๆ เขายอมไม่ได้

จากนั้น พระมหาวุฒิชัยได้ยกตัวอย่างเมื่อครั้งเข้าไปเทศนาต่อนักโทษที่รอการประหารชีวิตในเรือนจำว่าบางคนเคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ด้วยความโกรธเพียงเล็กน้อยก็ฆ่าคนตาย เพราะความโกรธเพียงชั่วครู่ และสิ่งที่ได้รับคือต้องไปรอคิวรับโทษประหารชีวิต ซึ่งทุกข์ทรมานกว่าการถูกฆ่าไปในทันทีเสียอีก จึงขอให้ตำรวจเห็นอุปสรรคเป็นครูที่ทำให้เกิดความแข็งแกร่งและสง่างาม

พร้อมได้วิเคราะห์เรื่อง “การไม่มักมากในลาภยศ” ว่า ต้องแยกแยะระหว่างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับงาน โดยยกตัวอย่างวัตรปฏิบัติของตนเองว่า เมื่อครั้งเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยมีผู้นำอาหารการกินไปถวายเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อไปปรึกษาผู้รู้และให้เกรดรายวิชาต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงอามิสสินจ้างปรากฏว่าสิ่งของที่เคยได้รับก็หายไปหมด แต่ก็ได้รับผลดีเรื่องการเลื่อนขั้นในการทำงานเพราะไม่มีประวัติด่างพร้อย จึงจะเห็นได้ว่าการไม่มักมากในลาภยศอาจจะทำให้ไม่ได้สิ่งใดในระยะสั้น แต่จะได้ในระยะยาว

พระมหาวุฒิชัยได้หยิบยกตัวอย่างผู้ที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาท ที่ทำงานอดทนและปิดทองหลังพระให้ตำรวจทั้งหมดให้ได้รับฟัง เช่น พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ซึ่งทำงานรับใช้ในหลวงมานานกว่า 11 ปี 8 เดือน ตั้งแต่ยังเป็น พ.ต.อ.และต้องปิดทองหลังพระเหมือนถูกลืมจากกรมตำรวจ แต่ท้ายที่สุดก็ได้เกษียณอายุราชการ ในตำแหน่งรองอธิบดีกรมตำรวจในบั้นปลายชีวิตราชการจนได้

สุดท้ายวงเสวนาธรรมได้วิเคราะห์กันเรื่องความไม่ประมาท ซึ่งพระมหาวุฒิชัย ให้ความสำคัญกับการไม่ประมาทด้วยการไม่ให้ไปตกหลุมดำแห่ง “ลาภยศ” “ทรัพย์สิน” และ “อำนาจ” โดยในส่วนของอำนาจนั้นสำคัญที่สุดเพราะหากเสพย์ติดจะไม่รู้ตัว ตำรวจเองก็มีปืนและกฎหมาย ซึ่งเป็นอำนาจอยู่หากใช้ไม่เป็นจะบ้าอำนาจและไม่รู้ตัวเช่นกัน แต่ท้ายที่สุดก็จะเสื่อมสลายไปดุจดังราชวงศ์จิ๋นของจิ๋นซีฮ่องเต้ ในอาณาจักรจีนโบราณ ซึ่งมีการช่วงชิงอำนาจและบ้าอำนาจจนต้องล่มสลายไป ดังนั้น หากจะได้ยศต้องคำนึงว่าเหมาะสมกับความสามารถหรือไม่ ทรัพย์ต้องได้ด้วยความสุจริต และอำนาจต้องใช้โดยมีคุณธรรม ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามนี้อายุราชการก็จะสั้นลง


กำลังโหลดความคิดเห็น