xs
xsm
sm
md
lg

นักการเมืองหมาๆ จากตุลา 16 ถึงตุลา 52

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ


(1) จาก 14 ตุลา ถึงการเมืองหมาๆ

ครบ 3 รอบนักษัตร 14 ตุลาคม 2516 แล้ว ผมขอใช้สิทธิคิดถึง 14 ตุลา ที่ได้เปลี่ยนชีวิตผมไปจากที่หวังไว้โดยสิ้นเชิงบ้าง

ใครจะเป็นวีรบุรุษ ใครจะได้ดี ผมไม่ว่า แต่เราควรศึกษาว่า บันทึกประวัติศาสตร์ถูกต้องหรือไม่ ใครบิดเบือนอย่างไร ใครเป็นนักฉวยโอกาสจากประวัติศาสตร์กันบ้าง

ผู้ที่ออกมาเอาหน้าเป็นวีรบุรุษ 14 ตุลา ไม่ว่านักศึกษาหรืออาจารย์ผมรู้ดีว่า ล้วนแต่ไม่ใช่ของจริง

ตอนที่เกิดเหตุ 14 ตุลา ผมเป็นอาจารย์รัฐศาสตร์ ธรรรมศาสตร์ กินเงินสมทบจากมูลนิธิฟอร์ดเดือนละหลายหมื่น หาก 14 ตุลาเกิดช้าสัก 5 ปี ผมคงช่วยอาจารย์ป๋วยสร้างธรรมศาสตร์ได้ใกล้เคียงกับที่เราช่วยกันคิดฝันมานาน

มติชนสุดสัปดาห์ลงบทความเท็จว่าอาจารย์ป๋วยกับผมรับแผนจากนอกประเทศมาก่อเหตุการณ์ 14 ตุลา และจนป่านนี้ก็ยังไม่ยอมลงจดหมายชี้แจงของผมว่าไม่จริง

ประวัติศาสตร์โกหกว่าผมเป็นหนึ่งในร้อยที่ลงนามเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ผมอยู่ต่างประเทศไม่ได้ลง แต่ผมเรียกร้องรัฐธรรมนูญมาตลอด

ก่อน 14 ตุลาสัก 3 สัปดาห์ ผมบินกลับจากชิคาโกมาถึงบ้าน ไม่ทันทักลูกเมีย แขกมานั่งคอยอยู่เต็ม คือ อาจารย์ชัยอนันต์กับผู้นำนักศึกษาหลายคน มีธีรยุทธ บุญมีด้วย แต่ไม่มีเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ในนั้นมีลูกศิษย์ผมหลายคน เช่น ปรีดี บุญซื่อ ธัญญา ชุนชฎาธาร เขามาเล่าเรื่องเตรียมการเรียกร้องรัฐธรรมนูญ

จำได้ว่าผมได้ชี้ให้เขาเห็นถึงความไม่พร้อม อุปสรรคและอันตรายด้านโครงสร้าง ผมอยากเห็นยุทธศาสตร์ยุทธวิธีของนักศึกษาที่รอบคอบคิดไกลถึงอนาคตมากกว่านั้น

หลายคนคงคิดว่าผมตาขาวสิ้นดี

พวกคนกล้าคืนนั้น นอกจากอาจารย์ชัยอนันต์ถูกตำรวจจับหมดตอนไปเดินแจกใบปลิว

สาเหตุที่กลุ่มนี้โดนจับก่อนเพื่อน ก็เพราะประพันธศักดิ์ กมลเพชร์ ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ของการประปานครหลวง ยื่นใบลาออกว่าจะไปร่วมปฏิวัติ นายทวี แรงขำ รมช.มหาดไทยจึงสั่งให้พล.ต.ต.ชัย สุวรรณศร ผู้การสันติบาลประกบตัวประพันธศักดิ์เป็นพิเศษ

กว่าเราจะจัดองค์กรขึ้นช่วยเหลือผู้ถูกจับเสร็จ ก็กินเวลาถึงเช้าวันที่ 7 ตุลาคม เหตุเพราะไม่มีผู้กล้ามาร่วมลงชื่อ ต่อเมื่อ “ไทยรัฐ” ลงข่าวคำขอร้องของผมในกรอบบ่ายวันที่ 6 วีรบุรุษตัวจริง คือ ประชาชนจึงหลั่งไหลออกมา

เพราะว่าผมตาขาว จึงได้ติดตามดูนักศึกษาทุกฝีก้าว และเมื่อถึงคราวคับขันจะนองเลือด จึงช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาไว้ได้ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ได้เล่าเรื่องนี้ไว้ใน “เหตุเกิดที่กรุงรัตนโกสินทร์”

หลัง 14 ตุลา ผมเตือนนักศึกษาว่าอย่าเพิ่งเล่นการเมือง ขอให้กลับเข้ามหาวิทยาลัย สร้างขบวนการนักศึกษาให้เป็นองค์กรประชาธิปไตยที่แท้จริง บริหารโดยวัตถุประสงค์ให้สำเร็จเสียก่อน

น่าเสียดายที่องค์กรนักศึกษาปัจจุบันนี้ ก็ยังเป็นแค่ขบวนการ จะเคลื่อนไหวอย่างไรเมื่อใด ขึ้นกับว่าใครเป็นหัวหน้า และปัญหาเฉพาะหน้า หรือถูกใครซื้อและเกิดกระแสสังคมอย่างไร

ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคมนั้น พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเพียรจะเข้ามาร่วมหมายจะแย่งชิงการนำ แต่ทำไม่สำเร็จ ผมพอจะรู้ว่าใครเป็นใคร ผมพยายามชี้แจงให้ผู้นำนักศึกษาเข้าใจว่ายักษ์คอมมิวนิสต์คือจีนกับโซเวียตกำลังจะแตกกันอย่างหนัก เราควรคอยศึกษาอินโดจีนและดูผลกระทบที่จะเกิดกับไทยให้ดี

หลายคนคงคิดว่าผมเป็นทาสซีไอเอ ความจริงผมไม่เคยเกลียดรัฐบาลไหนเท่ากับรัฐบาลอเมริกันเลย

เมื่อผมพ้นจากมหาวิทยาลัยไปแล้ว ขบวนการนักศึกษาส่วนหนึ่งตกเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของคอมมิวนิสต์สายจีนอย่างหนัก กับทั้งไม่เข้าใจผลสะท้อนชัยชนะของคอมมิวนิสต์ในเวียดนาม เขมร และลาวในเดือนธันวาคม 2518 สองประเทศหลังต้องสูญเสียสถาบันกษัตริย์ไป ความฮึกเหิมเกินพอดีของนักศึกษา ทำให้เกิดขบวนการต่อต้านจากฝ่ายขวาอย่างรุนแรงทั้งนวพล กระทิงแดง นักศึกษาอาชีวะและลูกเสือชาวบ้าน

ในที่สุดก็เกิด 6 ตุลามหาโหดในปี 2519

กล่าวกว้างๆ สาเหตุที่การเมืองไทยล้มเหลวหลัง 14 ตุลา ก็เพราะโครงสร้างเดิมไม่ยอมเปลี่ยนแปลง เกิดนักการเมืองหมาๆ ที่เข้าใจฉกฉวยประโยชน์จากระบบการเมืองขึ้นเรื่อยๆ

อดีตผู้นำนักศึกษา ผู้นำทางวิชาชีพวิชาการที่เราเรียกว่าเทคโนแครตทั้งในภาครัฐและเอกชนส่วนมาก ยังเชื่อว่าเงินและอำนาจเท่านั้นคือกุญแจความสำเร็จทางการเมือง เป็นเหตุให้การเมืองหมาๆ พัฒนาขึ้นมาเป็นระบบย่อยที่ทรงพลังที่สุดในระบบการเมืองไทย กีดกัน ปรามและปราบคนดีๆ ออกจากการเมืองไปหมด

ที่พระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงว่าอย่าให้คนไม่ดีมีอำนาจนั้น จึงน่าห่วงมากยิ่งขึ้นทุกวัน

ความชั่วร้ายเลวทรามต่ำช้าที่ปรากฏในสภา ในรัฐบาลและในบ้านเมืองทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะนักการเมืองหมาๆ เข้ามาเกาะกุมคุมอำนาจอยู่เหนือการบริหารทั้งปวงของประเทศ

ผู้นำนักศึกษาตุลาคม 2516 และตุลาคม 2519 ได้กลายเป็นนักการเมืองหมาๆ ไปหลายคน

อยากจะรู้ชื่อเสียงเรียงนาม ก็ขอให้ดูว่าใครที่ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากเล่นการเมืองและวิ่งเต้นใช้อภิสิทธิ์จนร่ำรวยมหาศาล ทั้งๆ ที่ฐานะและกำพืดเดิมไม่ต่างอะไรกับหมาข้างถนนธรรมดา

หมาเดือนตุลามีอยู่ทุกพรรค แต่เสื้อแดงมีมากกว่าเพื่อน เพราะขุนดี มีกระดูกชิ้นโตๆ ไม่อั้น

ดูการจัดตั้งและการเติบโตของหมาในขบวนการสีแดงแล้ว รู้สึกสงสารรัฐบาลบ้านเมืองช่างขาดความเข้าใจ ไร้ฝีมือ ประมาทและเป็นแนวร่วมมุมกลับชั้นดีเหลือเกิน

ผมว่า พลังสีแดงไทยขณะนี้ พอๆ หรือมากกว่าเหมาอิสต์ในเนปาล
กำลังโหลดความคิดเห็น