ศรีสะเกษ – ชายแดน “เขาพระวิหาร” เริ่มตึงเครียด เขมรเสริมรถถัง 40 คันตลอดแนว ประธานหอค้าศรีสะเกษ ระบุ สัมพันธ์ไทย-กัมพูชา แตกหัก ยังไม่ส่งผลกระทบค้าชายแดนมากนัก แต่ทำ ปชช.กัมพูชาเดือดร้อน เหตุต้องพึ่งสินค้าอุปโภค-บริโภค จากไทย ด้าน ปธ.ประชาคมกันทรลักษ์ ชี้ เขมรตั้ง “โจร” หนีคุกเป็นที่ปรึกษาเป็นการตบหัวประเทศไทยอย่างจัง ไม่น่าเชื่อมิตรประเทศใกล้ชิดจะทำได้ จี้ รบ.ไทยตัดความสัมพันธ์การทูตได้แล้ว ระบุ หากไม่จริงใจป่วยการจะคบอย่างมิตรประเทศอีกต่อไป
วันนี้ (5 พ.ย.) เมื่อเวลา 16.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและนักโทษชายหนีคดีอาญาแผ่นดิน เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวและที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาด้านเศรษฐกิจ และรัฐบาลไทยได้ใช้มาตรการตอบโต้ทางการทูตขั้นแรก ด้วยการเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศกัมพูชา กลับประเทศไทย ในวันนี้ นั้น ปรากฏว่า ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ เป็นอย่างมาก
โดยทหารไทยและทหารกัมพูชาที่ตรึงกำลังอยู่รอบบริเวณเขาพระวิหาร ได้ระมัดระวังตัวกันมากยิ่งขึ้น ทำให้บรรยากาศค่อนข้างเคร่งเครียด เพราะทหารทั้ง 2 ฝ่าย ต่างเกรงว่าจะมีการปะทะกันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ทางฝ่ายกัมพูชาได้เสริมกำลังรถถัง จำนวน 40 คัน ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ ขณะที่ทหารไทยไม่ได้มีการเสริมกำลังทหารและอาวุธเพิ่มเติมแต่อย่างใด เพราะขณะนี้ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีทหารไทยตั้งฐานปฏิบัติการอยู่อย่างเต็มที่อยู่แล้ว
นายศรีวรรณ เกียรติสุรนนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า การเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น ทำได้ค่อนข้างยากมาก เห็นว่า ก่อนที่รัฐบาลไทยเรียกทูตไทยกลับจากกัมพูชาควรพิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบ แต่ก็ไม่ควรให้เอกราชไทยถูกย่ำยีอย่างไม่ให้เกียรติจากมิตรประเทศที่ใกล้กันเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม จากกรณีความขัดแย้งครั้งนี้ ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน จ.ศรีสะเกษ มากนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ที่ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ การค้าขายรายใหญ่ส่วนมากเป็นการส่งน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในกัมพูชา มูลค่าเดือนละกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งหากมีการปิดด่านช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ทางฝ่ายกัมพูชาก็สามารถสั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศเพื่อนบ้านทางด้านอื่นได้
ส่วนการค้าชายแดนรายย่อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเครื่องอุปโภค-บริโภค นั้น มีมูลค่าไม่มากนัก จึงไม่ส่งผลกระทบต่อค้าพ่อนักธุรกิจไทยมาก แต่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวกัมพูชามากกว่า เพราะต้องพึ่งพาสินค้าเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน
ทางด้าน นายสนอง ห้วยจันทร์ ประธานประชาคมอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่รัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจเช่นนี้ ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากรัฐบาลกัมพูชาทราบอยู่แล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักโทษคดีอาญาของไทยและกำลังหนีคุกเร่ร่อนไปทั่วโลก
การที่รัฐบาลกัมพูชากระทำเช่นนี้ ถือว่าเป็นการตบหัวประเทศไทยอย่างจัง แบบที่เรียกกันว่าไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการกระทำของมิตรประเทศที่อยู่ใกล้ชิดติดกันเลย เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลกัมพูชาไม่ได้เกียรติรัฐบาลไทยแต่อย่างใด ทั้งที่รัฐบาลไทยให้เกียรติรัฐบาลกัมพูชามาโดยตลอด ทำอะไรนิดหน่อยก็เกรงว่าจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
“ดังนั้น รัฐบาลไทยควรที่จะตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลกัมพูชาได้แล้ว เพราะมิตรประเทศที่อยู่ติดกัน หากไม่จริงใจต่อกัน ก็ป่วยการที่จะคบกันอย่างมิตรประเทศอีกต่อไป” นายสนอง กล่าว