ตาก - ผบ.ฉก.ร.ย้ำเดินหน้าค้นหาปิดล้อมแหล่งกบดานทหารชนกลุ่มน้อยพม่าในพื้นที่ฝั่งไทย รวมทั้งบุคคลต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ยันนโยบายห้ามใช้ราชอาณาจักรไทยเป็นฐานปฏิบัติการกับฝ่ายตรงข้ามเด็ดขาด
พ.อ.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่ 5 อำเภอ (อ.แม่สอด-พบพระ-แม่ระมาด-ท่าสองยาง-และ อ.อุ้มผาง) ชายแดนไทย-พม่า ด้านจังหวัดตาก กล่าวถึงแผนปฏิบัติการปราบปราม ตรวจค้น กวาดล้าง แหล่งและพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าจะเป็นที่หลบซ่อนตัวของผู้นำและทหารของฝ่ายกะเหรี่ยงคริสต์ KNU ที่เรียกตัวเองว่า กองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ KNU รวมทั้งกองกำลังอื่นๆ ที่อาศัยพื้นที่ฝั่งไทยในการตอบโต้หรือต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามว่า เรายังคงเดินหน้าตรวจค้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวเคลื่อนไหวหรือใช้พื้นที่ไทยในการปฏิบัติการต่อสู้ด้วยยุทธวิธีทางทหาร และเพื่อเป็นการรักษาอธิปไตยของไทย
โดยหากมีการสืบทราบว่าพบแหล่งที่ซ่อนก็จะเข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นทันที ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังกลุ่มใดก็ตาม เพื่อเป็นการรักษาความมั่นคงและความสงบในพื้นที่เรา
ผบ.ฉก.ร.4 แม่สอด บอกอีกว่า ขณะนี้สถานการณ์การสู้รบระหว่างกองกำลังที่เป็นศัตรูกันในฝั่งพม่า ได้เริ่มสู้รบกันเข้าสู่ฤดูแล้ง แต่พื้นที่การสู้รบส่วนใหญ่ยังห่างจากชายแดน ทำให้เราไม่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้เราจะต้องเพิ่มความเข้มงวดในการใช้พื้นที่ประเทศไทยในการตอบโต้หรือเป็นฐานในการปฏิบัติการกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาด ซึ่งหากชนกลุ่มน้อยใดยังเคลื่อนไหวฝั่งไทยและมีอาวุธ ก็จะทำการจับกุมและดำเนินคดีทางกฎหมาย แต่หากเป็นการหลบหนีภัยสงครามและไม่มีอาวุธ ก็จะจัดพื้นที่รองรับในลักษณะผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบหรือเข้าไปอยู่ในพื้นที่พักพิงตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นการช่วยเหลือดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน
พ.อ.ผดุง กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยทหารจะร่วมกับตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงอื่นๆ ตชด. อส.ทำการปิดล้อมหมู่บ้าน สถานที่ต่างๆที่คาดว่าจะเป็นแหล่งหลบซ่อนของกลุ่มบุคคลที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งชุมชนที่คาดว่าเป็นแหล่งหลบซ่อนของบุคคลที่มักจะก่อเหตุและเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวานที่ผ่านมา (4 พ.ย.) ฉก.ร.4 ฉก.ทหารพรานที่ 35 ร่วมกับ ตชด.347 ท่าสองยาง อส.ท่าสองยาง ได้ปิดล้อมบ้านหนองบัว อ.ท่าสองยาง เพื่อตรวจค้นบ้านพักของกองกำลังชนกลุ่มน้อย KNU รวม 4 หลัง แต่ไม่พบเนื่องจากหลบหนีไปก่อน อย่างไรก็ตามทหารมีแผนปฏิบัติการในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องตามนโยบายกองทัพ