ศูนย์ข่าวขอนแก่น - เศรษฐกิจอีสานไตรมาส 3 ขยายตัว ตามการใช้จ่ายภาครัฐ เผยไตรมาสที่ 3 งบประมาณรัฐเบิกจ่ายในอีสานสูงถึง 62,284 ล้านบาท ดันตัวเลขลงทุนภาคเอกชนขยายตัวตาม ระบุพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างเพิ่มถึง 62.3% ขณะที่ราคาข้าวหอมมะลิ มีแนวโน้มปรับตัวสูง เหตุอินเดียคู่แข่งประสบภัยแล้ง คาดภาวะเศรษฐกิจอีสานไตรมาสสุดท้าย มีแนวโน้มขยายตัวอีก จับตาปัจจัยเสี่ยง การฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเมือง อาจกระทบการขยายตัวเศรษฐกิจ
วันนี้ (4 พ.ย.) ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท.สภอ.) จัดแถลงข่าวเศรษฐกิจครั้งที่ 4/ 2552 โดยมี น.ส.นพวรรณ มหามุสิก ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วยผู้บริหารส่วนงานต่างๆ ร่วมแถลงข่าว ณ สถานสวัสดิสงเคราะห์ ธปท.สภอ. ริมบึงแก่นนคร อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
น.ส.นพวรรณ มหามุสิก ผู้อำนวยการ ธปท.สภอ.เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจอีสานไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 ขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายตัวด้านการใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนของภาคเอกชนเป็นสำคัญ แม้ว่าไตรมาสนี้ การอุปโภคบริโภคของประชาชนจะชะลอตัวบ้าง แต่จากเครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญ เศรษฐกิจอีสานมีแนวโน้มที่จะขยายตัวชัดเจนขึ้น จากที่ชะลอตัวในไตรมาสแรกและไตรมาสสองของปีนี้
ไตรมาสที่ 3 มีการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐในภาคอีสานสูงถึง 62,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 35.2 เป็นการใช้จ่ายทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายประจำที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.1 และค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ถึงร้อยละ 124.4 ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวมากขึ้น สะท้อนจากพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนคร เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 62.3 และถ้าไม่นับการยื่นขอเปลี่ยนแปลงแบบของห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ในจังหวัดแล้ว ก็ยังเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 14.6
เงินทุนจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 41.7 หากไม่นับรวมการแปรสภาพของห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นบริษัทจำกัด จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.3 เงินลงทุนของโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการ และเงินทุนโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ 94.5 และร้อยละ 13.4 ตามลำดับ ส่วนปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพื่อธุรกิจและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3
สำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนขยายตัวจากปีก่อน ร้อยละ 2.0 แต่ชะลอตัวจากไนมาสก่อนเล็กน้อยที่มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 2.2 เนื่องจาก ความมั่นใจต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองยังเพิ่มขึ้นไม่มาก ทำให้ประชาชนยังระมัดระวังการใช้จ่าย
แนวโน้มราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น
น.ส.นพวรรณ กล่าวต่อว่า มูลค่าผลผลิตพืชที่สำคัญในภาคเริ่มทรงตัว จากที่ติดลบมาตลอดตั้งแต่ปลายปี 2551 โดยราคาพืชผลการเกษตรปีนี้มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาข้าวเปลือกหอมมะลิที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากประเทศอินเดียประสบปัญหาภัยแล้งทำให้ปริมาณผลผลิตข้าวลดลงประกาศงดส่งออกข้าว ราคาข้าวในตลาดโลกจึงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคามันสำปะหลังลดลงเล็กน้อย ส่วนหนึ่งมาจากเกษตรกรลดพื้นที่ปลูก หันไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า เช่น อ้อย ยางพารา
สำหรับดัชนี้ผลผลิตอุตสาหกรรมยังหดตัว เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากผลผลิตน้ำตาล และเครื่องดื่มลดลง อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่าการผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เพื่อการส่งออกยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาสนี้
“เศรษฐกิจภาคอีสานไตรมาสสุดท้ายปีนี้ คาดว่ามีแนวโน้มขยายตัวจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และจะขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่สาม เนื่องจากพืชผลสำคัญจะเริ่มทยอยสู่ตลาด และราคายังอยู่ในเกณฑ์ดี การใช้จ่ายของภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาคเอกชนที่มีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมากขึ้น สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของจังหวัดหลักเริ่มปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ” ผู้อำนวย ธปท.สภอ.กล่าวและว่า
นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันซีเกมส์ในช่วงเดือนธันวาคม ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวจะมีส่วนช่วยให้การค้าและบริการขยายตัว โดยเฉพาะจังหวัดหนองคาย และอุดรธานี
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและตลาดส่งออกสำคัญ ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมือง ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะมีผลทางลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของภาคอีสาน ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
