กาญจนบุรี - ปธ.สภาวัฒนธรรมกาญจน์ จี้นายอำเภอเมืองกาญจน์ และ อบต.ท่ามะขาม จังหวัดกาญจนบุรี เร่งดำเนินการตามกฎหมายต่อ "มูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม" ที่มีการก่อสร้างอาคารมูลนิธิบดบังภูมิทัศน์ข้างสะพานแม่น้ำแคว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคัดค้านการก่อสร้างตำหนักเจ้าแม่กวนอิมของมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม บริเวณพื้นที่ชายฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำแควว่า เมื่อบ่ายวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา พ.อ.(พิเศษ) สุรินทร์ จันทร์เพียร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวกาญจนบุรี และเป็นประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นแกนนำคัดค้านการก่อสร้างเปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าในการคัดค้านโครงการดังกล่าวว่า จากการที่ทางสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี, สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวกาญจนบุรี , สมาคมทหารผ่านศึกเวียดนามและนักรบผู้กล้า , กลุ่มสตรีกาญจนบุรี , กลุ่มปฏิรูปสื่อภาคประชาชนกาญจนบุรี,นักวิชาการอิสระ, สมาคมทหารผ่านศึกชายแดนภาคตะวันตก , ชมรมวิทยุและโทรทัศน์จังหวัดกาญจนบุรี ,
กลุ่มนักเรียนนักศึกษา , สมาคมผู้สูงอายุและข้าราชการบำนาญจังหวัดกาญจนบุรี , ประธานศูนย์โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี , สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนท่าม่วงราษฎร์บำรุง , สมาคมชาวกาญจน์ และองค์กรเครือข่ายสิ่งแวดล้อมกับประชาชนชาวกาญจนบุรีที่มีความเห็นร่วมกันคัดค้านการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่และองค์เจ้าแม่กวนอิม ของมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม ซึ่งบดบังภูมิทัศน์บริเวณสะพานประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 สะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นโบราณสถาน
ซึ่งขณะนี้การดำเนินการของภาคราชการที่ผ่านมาค่อนข้างล้าช้า ทางคณะกลุ่มองค์กรที่คัดค้านจึงอยากทราบผลว่ามีข้อสรุปอย่างไรเกี่ยวการก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรมของมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม ซึ่งทางคณะกรรมการศึกษาหาข้อยุติ มีอำนาจหน้าที่อยู่ในกรอบที่จำกัด ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ในเรื่อง การก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่และองค์เจ้าแม่กวนอิมที่สร้างในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต่อว่า ดังนั้น ในประเด็น ที่ 1.สร้างสิ่งปลูกสร้างที่มีขนาดใหญ่เกิน 18 เมตร 2.พื้นที่ที่ก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรมมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม ทางคณะกลุ่มองค์กรที่คัดค้านจึงขอทราบผลการดำเนินงานที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้ทางอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ตามคำสั่งจังหวัดกาญจนบุรีที่ กจ 0016.3/16338 ในฐานะที่ทางอำเภอเมืองกาญจนบุรีมีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตาม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457
เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ตามสโลแกน เที่ยวไทยครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก และเพื่อเป็นการปกป้องพื้นที่สะพานข้ามแม่น้ำแควโดยรอบ ซึ่งเป็นโบราณสถานมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศและโลกเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี รักษาสมบัติส่วนรวมของประเทศ
พ.อ.(พิเศษ) สุรินทร์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ทางองค์กรเครือข่ายคัดค้านเล็งเห็นว่าส่วนราชการที่รับผิดชอบยังไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างครบถ้วน ดังนั้น ตนจึงทำหนังสือติดตามผลการดำเนินงานและสั่งการไปถึงมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรมและ อบต.ท่ามะขามยื่นต่อนายอำเภอเมืองกาญจนบุรี และ อบต.ท่ามะขามว่า มีการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างไร และมีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่หรือไม่ เพื่อนำไปสู่การดำเนินการเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การคัดค้านการก่อสร้างตำหนักกวนอิมของมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรมที่บริเวณพื้นที่ชายฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี มีการร้องเรียนมาตั้งแต่เดือน พ.ค.52 ที่ผ่านมา จนทำให้นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผวจ.กาญจนบุรี มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหานี้
แต่เมื่อผลสรุปออกมาว่ามีพื้นที่บางส่วนมีการก่อสร้างองค์กวนอิมในพื้นที่นอกเอกสารสิทธิ์จึงรายงานให้ ผวจ.กาญจนบุรีทราบจนนำไปสู่การสั่งการให้อำเภอเมืองกาญจนบุรี และ อบต.ท่ามะขามที่น่าจะเป็นหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกันให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
แต่ผลการดำเนินการยังไม่คืบหนน้าจึงทำให้กลุ่มคัดค้านออกมาเคลื่อนไหวเพื่อติดตามการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเคลื่อนไหวต่อไปกลุ่มผู้คัดค้านน่าดำเนินการฟ้องร้องตามสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ 2550 และอาจจะมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษข้าราชการและหน่วยงานราชการว่ากระทำผิดมาตรา 157 ของ ป.อาญาในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคัดค้านการก่อสร้างตำหนักเจ้าแม่กวนอิมของมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม บริเวณพื้นที่ชายฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำแควว่า เมื่อบ่ายวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา พ.อ.(พิเศษ) สุรินทร์ จันทร์เพียร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวกาญจนบุรี และเป็นประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นแกนนำคัดค้านการก่อสร้างเปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าในการคัดค้านโครงการดังกล่าวว่า จากการที่ทางสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี, สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวกาญจนบุรี , สมาคมทหารผ่านศึกเวียดนามและนักรบผู้กล้า , กลุ่มสตรีกาญจนบุรี , กลุ่มปฏิรูปสื่อภาคประชาชนกาญจนบุรี,นักวิชาการอิสระ, สมาคมทหารผ่านศึกชายแดนภาคตะวันตก , ชมรมวิทยุและโทรทัศน์จังหวัดกาญจนบุรี ,
กลุ่มนักเรียนนักศึกษา , สมาคมผู้สูงอายุและข้าราชการบำนาญจังหวัดกาญจนบุรี , ประธานศูนย์โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี , สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนท่าม่วงราษฎร์บำรุง , สมาคมชาวกาญจน์ และองค์กรเครือข่ายสิ่งแวดล้อมกับประชาชนชาวกาญจนบุรีที่มีความเห็นร่วมกันคัดค้านการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่และองค์เจ้าแม่กวนอิม ของมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม ซึ่งบดบังภูมิทัศน์บริเวณสะพานประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 สะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นโบราณสถาน
ซึ่งขณะนี้การดำเนินการของภาคราชการที่ผ่านมาค่อนข้างล้าช้า ทางคณะกลุ่มองค์กรที่คัดค้านจึงอยากทราบผลว่ามีข้อสรุปอย่างไรเกี่ยวการก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรมของมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม ซึ่งทางคณะกรรมการศึกษาหาข้อยุติ มีอำนาจหน้าที่อยู่ในกรอบที่จำกัด ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ในเรื่อง การก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่และองค์เจ้าแม่กวนอิมที่สร้างในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต่อว่า ดังนั้น ในประเด็น ที่ 1.สร้างสิ่งปลูกสร้างที่มีขนาดใหญ่เกิน 18 เมตร 2.พื้นที่ที่ก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรมมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรม ทางคณะกลุ่มองค์กรที่คัดค้านจึงขอทราบผลการดำเนินงานที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้ทางอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ตามคำสั่งจังหวัดกาญจนบุรีที่ กจ 0016.3/16338 ในฐานะที่ทางอำเภอเมืองกาญจนบุรีมีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตาม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457
เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ตามสโลแกน เที่ยวไทยครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก และเพื่อเป็นการปกป้องพื้นที่สะพานข้ามแม่น้ำแควโดยรอบ ซึ่งเป็นโบราณสถานมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศและโลกเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี รักษาสมบัติส่วนรวมของประเทศ
พ.อ.(พิเศษ) สุรินทร์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ทางองค์กรเครือข่ายคัดค้านเล็งเห็นว่าส่วนราชการที่รับผิดชอบยังไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างครบถ้วน ดังนั้น ตนจึงทำหนังสือติดตามผลการดำเนินงานและสั่งการไปถึงมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรมและ อบต.ท่ามะขามยื่นต่อนายอำเภอเมืองกาญจนบุรี และ อบต.ท่ามะขามว่า มีการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างไร และมีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่หรือไม่ เพื่อนำไปสู่การดำเนินการเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การคัดค้านการก่อสร้างตำหนักกวนอิมของมูลนิธิกวงอิมสุนทรธรรมที่บริเวณพื้นที่ชายฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี มีการร้องเรียนมาตั้งแต่เดือน พ.ค.52 ที่ผ่านมา จนทำให้นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผวจ.กาญจนบุรี มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหานี้
แต่เมื่อผลสรุปออกมาว่ามีพื้นที่บางส่วนมีการก่อสร้างองค์กวนอิมในพื้นที่นอกเอกสารสิทธิ์จึงรายงานให้ ผวจ.กาญจนบุรีทราบจนนำไปสู่การสั่งการให้อำเภอเมืองกาญจนบุรี และ อบต.ท่ามะขามที่น่าจะเป็นหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกันให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
แต่ผลการดำเนินการยังไม่คืบหนน้าจึงทำให้กลุ่มคัดค้านออกมาเคลื่อนไหวเพื่อติดตามการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเคลื่อนไหวต่อไปกลุ่มผู้คัดค้านน่าดำเนินการฟ้องร้องตามสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ 2550 และอาจจะมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษข้าราชการและหน่วยงานราชการว่ากระทำผิดมาตรา 157 ของ ป.อาญาในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ต่อไป