เลย-ชาวบ้าน ต.น้ำสวย อำเภอเมืองเลยและอำเภอนาด้วง จ.เลย ยื่นหนังสือค้านตั้งเหมืองแร่ทองแดงบริเวณภูหินเหล็กไฟ และภูหัวเข่า หวั่นเกิดมลพิษกับป่าต้นน้ำสาธารณประโยชน์ จนกระทบการดำเนินชีวิตของชาวบ้านกว่า 20,000 ชีวิต
วันนี้ (22 ต.ค.) ที่หน้าศาลากลางจังหวัดเลย ชาวบ้านจากตำบลนาดินดำ ตำบลน้ำสวย อำเภอเมืองเลย และตำบลท่าสวรรค์ อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย จำนวนกว่า 300 คน ในนามกลุ่มอนุรักษ์ภูหิน เหล็ก ไฟ นำโดย นายสุวัฒน์ วิรัญจะ กำนันตำบลนาดินดำ และ นายชาลิน กันแพงศรี เดินทางมาชุมนุมคัดค้านการทำเหมืองแร่ทองแดงของบริษัท ภูเทพ จำกัด โดยผู้ชุมนุมนำป้ายเขียนข้อความต่างๆ ไม่ต้องการให้ตั้งเหมืองแร่ทองแดงในพื้นที่ โดยมีการยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อ นายสุระชัย คงมีลาภ ปลัดจังหวัดเลย
นายชาลิน กันแพงศรี ประธานกลุ่มอนุรักษ์ภูหิน เหล็ก ไฟ กล่าวว่า จากการที่บริษัท ภูเทพ จำกัด ยื่นขอประทานบัตร เพื่อทำเหมืองแร่ทองแดงบริเวณภูหิน เหล็ก ไฟ และภูหัวเข่า โดยขณะนี้ทางบริษัทได้ว่าจ้างนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ดำเนินการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และดำเนินการรังวัดปักหมุดเขตเหมืองแร่เพื่อจัดทำแผนที่ ซึ่งจะนำไปสู่การขออนุญาตประทานบัตร
ทั้งนี้ หากทางราชการปล่อยให้เหมืองแร่ทองแดงแห่งนี้เกิดขึ้น เกรงว่า จะเกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมต่อภูหิน เหล็ก ไฟ และภูหัวเข่า ซึ่งเป็นต้นน้ำลำธารที่หล่อเลี้ยงชีวิตมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เป็นป่าสาธารณประโยชน์ที่ใช้ร่วมกัน ของชาวบ้าน 3 ตำบล 10 ชุมชน รวมจำนวนประชากรกว่า 20,000 คน เป็นแหล่งอาหาร แหล่งสมุนไพรที่มีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาทต่อปี ทั้งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์สำคัญของชุมชนด้วย
ขณะเดียวกัน นายสุวัฒน์ วิรัญจะ กำนันตำบลนาดินดำ กล่าวว่า ที่ผ่านมา หลังจากชาวบ้านทราบว่า จะมีการทำเหมืองแร่ทองแดงในพื้นที่ จึงจัดทำประชาคมหมู่บ้านขึ้น เพื่อรับฟังความคิดเห็น ปรากฏว่า ชาวบ้านมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คัดค้านการดำเนินการใดๆ ที่จะนำไปสู่การทำเหมืองแร่ดังกล่าว
ด้าน นายวิรัช ชูมงคล อุตสาหกรรมจังหวัดเลย กล่าวชี้แจงว่า การขออนุญาตประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองแดงของบริษัทเอกชนดังกล่าว เป็นสิทธิตามกฎหมายที่เปิดโอกาสให้เข้ามาดำเนินการได้ แต่ขณะนี้ยังเป็นเพียงขั้นตอนที่ 1 จาก 9 ขั้นตอน หลังจากการที่มีการยื่นขออนุญาตแล้ว ประชาชนสามารถคัดค้านได้ตามสิทธิอยู่แล้ว
หลังจากรับฟังการชี้แจง และได้ยื่นหนังสือคัดค้านแล้ว กลุ่มชาวบ้านได้เดินทางกลับ และยังยืนยันว่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีการดำเนินการใดตามที่ชาวบ้านยื่นข้อเรียกร้องแล้ว กลุ่มชาวบ้าน จะกลับมาชุมนุมอีกครั้งหนึ่ง ด้วยจำนวนที่มากกว่าเดิมอีกหลายเท่า