ตาก- ชาวบ้านพบพระหลายหมู่บ้านกว่า 500 คน ปิดล้อมป้อมยามบริการประชาชน ยื่นข้อเสนอให้ย้ายตำรวจ 4 นาย เหตุเข้ากับชาวบ้านไม่ได้ สร้างปัญหาชายแดนไทย-พม่า
วันนี้ (8 ต.ค.) ราษฎรบ้านช่องแคบ หมูที่ 1, 2, 3, 10 และหมู่ที่ 11 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก ได้เดินทางไปชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าป้อมยามในหมู่บ้านช่องแคบ หมู่ที่ 1 ตำบลช่องแคบ โดยทางกลุ่มราษฎร ซึ่งมีทั้งผู้ใหญ่บ้าน แกนนำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน ทั่วไป ต่างไปรวมกลุ่มรายล้อมบริเวณป้อมยามดังกล่าว และต่างนำหนังสือร่วมกันลงชื่อเพื่อให้ พ.ต.อ.ปัญญา สุขเอม ผู้กำกับการ สภ.พบพระ สั่งย้ายตำรวจ 4 นาย ที่ประจำอยู่ป้อมยาม ออกไปจากพื้นที่
กลุ่มชาวบ้านให้เหตุผลว่า ตำรวจทั้ง 4 นายไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับชาวบ้านได้ และยังสร้างปัญหากระทบกระทั่งกันระหว่างฝั่งไทย กับฝั่งพม่า เช่น การเข้มงวดกวดขันกับราษฎรฝั่งพม่าที่มีอาการเจ็บป่วย เข้ามารักษาพยาบาลในฝั่งไทย หรือการมาซื้อสินค้าฝั่งไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ฝั่งพม่าเองก็ไม่พอใจ เช่นกัน
นายจันคำ ใจเรือน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลช่องแคบ กล่าวว่า ชาวบ้านต้องการให้ย้ายตำรวจที่ป้อมยามทั้งหมด เพราะไม่สามารถร่วมทำงานด้านมวลชนกับชาวบ้านในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ราษฎรฝั่งพม่า ที่เข้ามาฝั่งไทย เพื่อมารักษาพยาบาล และมาซื้อของใช้สอย ซึ่งเป็นวิถีชาวบ้าน ก็มักถูกจับ
นายสมพงษ์ ศรีบัว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ช่องแคบ กล่าวว่า เรื่องที่ชาวบ้านไปชุมนุมเพราะการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเข้มงวดเกินไป ทำให้ขัดกับวิถีชีวิตชาวบ้าน ซึ่งตนเองได้ประสานกับ ผกก.สภ.พบพระ แล้ว โดยทางฝ่ายตำรวจรับปากที่จะดำเนินการย้ายตำรวจออกไปจากพื้นที่
รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างการชุมนุมของประชาชนที่ป้อมยามบ้านช่องแคบนั้น ฝ่ายตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในป้อมยาม ได้หลบหนีทิ้งป้อมยามออกไปข้างนอก ทำให้กลุ่มชาวบ้านต่างไปนั่งล้อมกันอยู่รอบๆป้อมตำรวจ
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ เมื่อ 2-3 วันก่อน กลุ่มราษฎรดังกล่าวเคยไปชุมนุมที่หน้า สภ.พบพระ และยื่นข้อเสนอให้ย้ายตำรวจ 4 นาย ซึ่งทาง พ.ต.อ.ปัญญา ได้รับปากแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า กลุ่มชาวบ้านจึงไปชุมนุมอีกครั้งหนึ่งเพื่อกดดันให้ย้ายตำรวจประจำป้อมออกไปและให้เปลี่ยนคนอื่นๆมาแทน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำป้อมยามบ้านช่องแคบ ได้ยืนยันว่า ได้ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งหรือสร้างปัญหาให้ชาวบ้าน โดยทำตามกฎหมายในการตรวจค้นการเดินทางข้ามฝั่งของชาวพม่าทุกขั้นตอน รวมทั้งสอดส่องดูแลอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนคนไทยที่อาศัยอยู่แนวชายแดนไทย-พม่า ที่ตำบลช่องแคบ ในการดูแลป้องกันชีวิตและทรัพย์สินคนไทย
วันนี้ (8 ต.ค.) ราษฎรบ้านช่องแคบ หมูที่ 1, 2, 3, 10 และหมู่ที่ 11 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก ได้เดินทางไปชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าป้อมยามในหมู่บ้านช่องแคบ หมู่ที่ 1 ตำบลช่องแคบ โดยทางกลุ่มราษฎร ซึ่งมีทั้งผู้ใหญ่บ้าน แกนนำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน ทั่วไป ต่างไปรวมกลุ่มรายล้อมบริเวณป้อมยามดังกล่าว และต่างนำหนังสือร่วมกันลงชื่อเพื่อให้ พ.ต.อ.ปัญญา สุขเอม ผู้กำกับการ สภ.พบพระ สั่งย้ายตำรวจ 4 นาย ที่ประจำอยู่ป้อมยาม ออกไปจากพื้นที่
กลุ่มชาวบ้านให้เหตุผลว่า ตำรวจทั้ง 4 นายไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับชาวบ้านได้ และยังสร้างปัญหากระทบกระทั่งกันระหว่างฝั่งไทย กับฝั่งพม่า เช่น การเข้มงวดกวดขันกับราษฎรฝั่งพม่าที่มีอาการเจ็บป่วย เข้ามารักษาพยาบาลในฝั่งไทย หรือการมาซื้อสินค้าฝั่งไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ฝั่งพม่าเองก็ไม่พอใจ เช่นกัน
นายจันคำ ใจเรือน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลช่องแคบ กล่าวว่า ชาวบ้านต้องการให้ย้ายตำรวจที่ป้อมยามทั้งหมด เพราะไม่สามารถร่วมทำงานด้านมวลชนกับชาวบ้านในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ราษฎรฝั่งพม่า ที่เข้ามาฝั่งไทย เพื่อมารักษาพยาบาล และมาซื้อของใช้สอย ซึ่งเป็นวิถีชาวบ้าน ก็มักถูกจับ
นายสมพงษ์ ศรีบัว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ช่องแคบ กล่าวว่า เรื่องที่ชาวบ้านไปชุมนุมเพราะการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเข้มงวดเกินไป ทำให้ขัดกับวิถีชีวิตชาวบ้าน ซึ่งตนเองได้ประสานกับ ผกก.สภ.พบพระ แล้ว โดยทางฝ่ายตำรวจรับปากที่จะดำเนินการย้ายตำรวจออกไปจากพื้นที่
รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างการชุมนุมของประชาชนที่ป้อมยามบ้านช่องแคบนั้น ฝ่ายตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในป้อมยาม ได้หลบหนีทิ้งป้อมยามออกไปข้างนอก ทำให้กลุ่มชาวบ้านต่างไปนั่งล้อมกันอยู่รอบๆป้อมตำรวจ
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ เมื่อ 2-3 วันก่อน กลุ่มราษฎรดังกล่าวเคยไปชุมนุมที่หน้า สภ.พบพระ และยื่นข้อเสนอให้ย้ายตำรวจ 4 นาย ซึ่งทาง พ.ต.อ.ปัญญา ได้รับปากแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า กลุ่มชาวบ้านจึงไปชุมนุมอีกครั้งหนึ่งเพื่อกดดันให้ย้ายตำรวจประจำป้อมออกไปและให้เปลี่ยนคนอื่นๆมาแทน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำป้อมยามบ้านช่องแคบ ได้ยืนยันว่า ได้ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งหรือสร้างปัญหาให้ชาวบ้าน โดยทำตามกฎหมายในการตรวจค้นการเดินทางข้ามฝั่งของชาวพม่าทุกขั้นตอน รวมทั้งสอดส่องดูแลอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนคนไทยที่อาศัยอยู่แนวชายแดนไทย-พม่า ที่ตำบลช่องแคบ ในการดูแลป้องกันชีวิตและทรัพย์สินคนไทย
