ฉะเชิงเทรา-แปลก! ชาวบ้านที่สัญจรผ่านเส้นทางถนนเลียบคลองชลประทาน สายหัวไทร-บางแตน ต่างมึนงงไปตามกัน หลังมีมือดีแอบนำต้นกล้วย และต้นไม้น้อยใหญ่ลงปลูกกลางถนนในหลุมลึก เป็นแถวเรียงรายตลอดทางความยาวกว่า 14 กม.ขณะผู้ใช้เส้นทางเชื่อมือมืดหวังประชดหน่วยงานผู้รับผิดชอบ ที่ปล่อยปละละเลยไม่เหลียวแลเข้ามาดูแลซ่อมแซมถนนสายนี้ให้แก่ชาวบ้าน มานานนับสิบปี ทั้งที่เป็นเส้นทางสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่างอำเภอ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง
วันนี้ (29 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ผู้ที่ใช้เส้นทางสัญจรผ่านถนนเลียบคลองชลประทาน สายหัวไทร-บางแตน ที่เชื่อมต่อระหว่าง อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา และ อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ด้านหลังโครงการพัฒนาส่วนพระองค์บางแตน ว่า ได้มีมือดีนำต้นไม้น้อยใหญ่ ทั้งต้นกล้วย มะพร้าว และตระไคร้ จำนวนมาก มาปลูกลงในหลุมลึกกลางถนน เรียงรายเป็นแถวยาวตลอดเส้นทางกว่า 14 กม.
สภาพถนนสายดังกล่าวอยู่ในสภาพพังเสียหายเป็นหลุมบ่อลึกจำนวนมากเต็มพื้นผิวการจราจร ไปตลอดเส้นทาง รวมทั้งยังมีน้ำขังอยู่ในหลุม ที่เป็นแอ่งลึกในเวลาฝนตกอีกด้วย จนทำให้ชาวบ้านใน 3 ตำบล คือ ต.บางกระเจ็ด ต.หัวไทร ต.บางแตน รวมทั้งผู้คนที่ใช้เส้นทางสัญจรผ่าน เดินทางกันอย่างยากลำบาก และได้รับความเดือดร้อนจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และทรัพย์สินรถพังเสียหาย
นายชาญ วิลัยพัฒน์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138 ม.4 ต.บางกระเจ็ด อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ถนนสายนี้เป็นถนนคันคลอง เลียบคลองชลประทาน ที่เชื่อมต่อระหว่าง 2 อำเภอ ใน 2 จังหวัด ที่ประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นถนนสายหลักระหว่างอำเภอ แต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลจากหน่วยงานใด ที่รับผิดชอบในการซ่อมแซมแก้ไขถนนที่พังชำรุดเสียหายมานานนับสิบปี จึงเชื่อว่าผู้ที่นำต้นไม้มาปลูกใส่ในหลุมกลางถนนน่าจะทำเพื่อประชดหน่วยงานที่รับผิดชอบถนนสายนี้
ขณะที่ นายนิวัฒน์ บุญสุข อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/1 ม.10 ต.บางแตน อ.บ้านเสร้าง จ.ปราจีนบุรี ผู้ที่ใช้เส้นทางผ่าน กล่าวว่า ตนมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ถนนสายนี้เดินทางเข้าไปซื้อของในตลาด และไปบ้านญาติใน อ.บางคล้า อยู่เป็นประจำ แต่ก็ต้องเสียเวลาในการเดินทางผ่านเส้นทางนี้นานเกือบชั่วโมง ในการเดินทางผ่านในแต่ละเที่ยว ทั้งที่ระยะทางจริงๆ นั้น เพียงแค่ 14 กม.เท่านั้น หากเส้นทางอยู่ในสภาพดี ก็จะใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 20 นาที ก็จะถึงที่หมายแล้ว จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ ให้ช่วยเร่งเข้ามาซ่อมแซมแก้ไขให้แก่ชาวบ้าน และผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้เส้นทางสายนี้ด้วย
ส่วน นางสายใจ ไกรสร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145/2 ม.2 ต.หัวไทร แม่ค้าขายขนมจีนริมทาง กล่าวว่า เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาก็พบว่ามีต้นไม้งอกโผล่ขึ้นมาบนกลางถนนตลอดทั้งสายนี้แล้ว แต่จากสภาพถนนที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ตนได้พบเห็นรถที่สัญจรผ่านตกหลุม และประสบอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะรถจักยานยนต์ ที่มักจะล้มคว่ำจนคนขับได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ก็จะเดินทางกันอย่างยากลำบากมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะนักเรียนที่ต้องเดินทางเข้าไปเรียนยังในตัวอำเภอบางคล้า ก็ต้องตื่นกันตั้งแต่เช้ามืด เพื่อเผื่อเวลาในการเดินทางที่กว่าจะไปถึงโรงเรียน จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดูแลแก้ไขซ่อมแซมถนนให้แก่ชาวบ้าน และเด็กนักเรียนที่กำลังเดือดร้อนด้วย
ด้าน นายสุรพงค์ เกตุกัปตัน อายุ 35 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.บางกระเจ็ด กล่าวว่า เดิมทีถนนสายนี้เป็นของกรมชลประทานเป็นผู้รับผิดชอบ แต่เมื่อเข้าไปสอบถามกับทางกรมชลประทานกลับได้รับคำตอบว่า ได้โอนไปให้กรมทางหลวงชนบท เป็นผู้รับผิดชอบนานแล้ว แต่เมื่อไปสอบถามกับทางหลวงชนบท ก็ได้รับคำตอบว่า ยังไม่ได้รับการโอนมาให้
ที่ผ่านมา ทางหลวงชนบทจะเข้าไปทำการซ่อมแซมผิวถนนให้แก่ชาวบ้าน แต่ทางกรมชลประทานไม่ยินยอมให้ซ่อมแซม โดยระบุว่า ถนนสายดังกล่าวเป็นคันกั้นน้ำเลียบชายคลอง ให้ทำการรื้อพื้นผิวถนนออก เพื่อปรับผิวใหม่ได้ลึกไม่เกิน 50 ซม.เท่านั้น ทางกรมทางหลวงชนบทจึงไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากจะไม่ได้มาตรฐานตามแบบ ผลเสียและความเดือดร้อนต่างๆ จึงมาตกอยู่กับประชาชน ผู้ใช้เส้นทาง และชาวบ้านทั้ง 3 ตำบล