xs
xsm
sm
md
lg

ค้าชายแดนอีสานใต้ผ่าวิกฤตทะลุ 1,400 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
นครราชสีมา - ค้าชายแดนไทย- กัมพูชา ด้านอีสานใต้ “สุรินทร์-ศรีสะเกษ” 9 เดือนแรกปีงบฯ 52 ผ่าวิกฤต “เขาพระวิหาร” ระอุเดือด ทะลุ 1,400 ล้าน ไทยเกินดุลต่อเนื่อง ชี้อนาคตการค้า ลงทุน ขนส่งและการท่องเที่ยวภูมิภาคนี้เติบโตอีกมาก รับอานิสงส์ไทยทุ่มกว่า 3,000 ล้านช่วยสร้างปรับปรุงถนนหมายเลข 67, 68 สองเส้นทางยุทธศาสตร์เชื่อมโยงภาคเหนือเขมร-นครวัด นครธม กับ อีสานใต้ไทย

นายไพรัช เจริญชาศรี นายด่านศุลกากรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า การค้าขายชายแดนไทย-กัมพูชา ผ่านด่านชายแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และ ด่านผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของด่านศุลกากรช่องจอมยังคงเป็นไปตามปกติ แม้จะมีสถานการณ์ความขัดแย้งกรณีเขาพระวิหาร ระหว่าง 2 ประเทศ เกิดขึ้นก็ตาม

ทั้งนี้ นักธุรกิจพ่อค้า ประชาชนชาวกัมพูชาใน จ.อุดรมีชัย จ.พระวิหาร และ จ.เสียมราฐ ซึ่งเป็นจังหวัดชายติดกับไทยด้าน จ.สุรินทร์ และ จ.ศรีสะเกษ ได้ซื้อสินค้าไทยเข้าไปจำหน่ายให้แก่ประชาชนในประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภค บริโภค เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ไก่สด ผัก ผลไม้ น้ำตาล น้ำพริก น้ำปลา ของใช้ในครัวเรือน เป็นต้น

ประกอบกับปัจจุบันนักธุรกิจรายใหญ่ชาวกัมพูชา รวมทั้งผู้ประกอบการกาสิโน ในฝั่งโอร์เสม็ด กัมพูชา ทั้ง 2 แห่ง ได้หันมาซื้อและนำเข้าน้ำเชื้อเพลิง ทั้ง ดีเซล เบนซิน จากทางด้านด่านช่องจอม และ ช่องสะงำ เป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าและจำหน่ายให้กับประชาชนกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบทห่างไกลจากเมืองใหญ่และหันมาใช้เครื่องจักรทำการเกษตร รวมรถยนต์ รถจักรยานมากขึ้น จึงต้องพึ่งพาสินค้าอุปโภคบริโภคและน้ำมันเชื้อเพลิงจากฝั่งประเทศไทยเป็นหลัก

ขณะที่สินค้าที่ไทยนำเข้าจากกัมพูชา มีปริมาณลดลงมาก ส่วนใหญ่เป็นประเภท เสื้อผ้า ผ้าห่ม เสื้อกันหนาว รถจักรยาน 2 ล้อ ส่วนสินค้าแปรรูปจากไม้ และสินค้าเกษตรมียอดนำเข้าค่อนข้างลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่ผ่านมา

นายไพรัชกล่าวต่อว่า ล่าสุดปริมาณการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ดังกล่าวในช่วง 9 เดือนแรก ปีงบประมาณ 2552 ตั้งแต่ตุลาคม 2551 - มิถุนายน 2552 มีมูลค่าการค้ารวม 1,420.38 ล้านบาท แบ่งเป็นการนำเข้า 241.71 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา (ตุลาคม 2550-มิถุนายน 2551) ที่นำเข้า 48.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165.82 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 339.17 และ มีมูลค่าการส่งออก 1,178.67 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา (ตุลาคม 2550-มิถุนายน 2551) ส่งออก 1,527.36 ล้านบาท ลดลง 393.69 ล้านบาท คิดเป็นลดลงร้อยละ 25.04 ไทยเกินดุลกัมพูชา 936.95 ล้านบาท

นายไพรัชกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ จากสถิติตัวเลขการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ และช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ในรอบ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2547-2551 พบว่า ปริมาณการนำเข้าสินค้าของไทยจากกัมพูชาได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2547 มียอดน้ำเข้า 206 ล้านบาท ปี 2548 ยอดนำเข้า 134 ล้านบาท ปี2549 ยอดนำเข้าลดลงเหลือ 29 ล้านบาท ในปี 2550 ยอดนำเข้า 51 ล้าน และ ปี 2551 ยอดนำเข้า 108 ล้านบาท

ส่วนตัวเลขการส่งออกไทยไปยังกัมพูชารอบ 5 ปีที่ผ่านมาได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยตลอด คือ ปี 2547 ส่งออก 219 ล้านบาท ปี 2548 ส่งออก 417 ล้านบาท ปี 2549 ส่งออก 953 ล้านบาท ปี 2550 ส่งออก 720 ล้านบาท และ ปี 2551 ส่งออกพุ่งสูงเป็น 2,209 ล้านบาท โดยสินค้าที่สำคัญที่ทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นสูงคือ น้ำมันเชื้อเพลิง

“ตัวเลขการค้าชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาในรอบ 5 ปีดังกล่าว เห็นได้ว่าไทยยังได้ดุลการค้ากัมพูชาอย่างต่อเนื่องและอยู่ในระดับสูง ซึ่งช่วงแรกในปี 2547 ที่ไทยนำเข้าค่อนข้างเพราะมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไม้และของป่าเป็นหลัก แต่ปัจจุบันสินค้าเหล่านี้ลดลงมากและมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ หากกัมพูชาไม่มีสินค้าตัวใหม่หรือสินค้าเกษตรที่นักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุน ขณะเดียวกันต้องนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคและน้ำมันเชื้อเพลิงจากไทยเพิ่มมากขึ้น” นายไพรัชกล่าว

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาทางด้าน จ.สุรินทร์ และ จ.ศรีสะเกษ ในอนาคตจะขยายตัวอีกมาก หากสถานการณ์ระหว่างประเทศราบรื่นและปัจจัยสำคัญ คือรัฐบาลไทยได้ทุ่มให้การช่วยเหลือด้านงบประมาณแก่รัฐบาลกัมพูชาในการก่อสร้างปรับปรุงถนน 2 เส้นทางหลักยุทธศาสตร์ คือ ถนนหมายเลข 68 และ 67 ที่เชื่อมโยงกับ จ.สุรินทร์และ จ.ศรีสะเกษ เข้าไปยัง จ.อุดรมีชัย และ นครวัดนครธม จ.เสียมราฐ เมืองท่องเที่ยวระดับโลก ซึ่งจะทำให้การค้า การลงทุน การขน และ การท่องเที่ยว ในภูมิภาคนี้เติบโตมากขึ้น

สองเส้นทางยุทธศาสตร์
เขมรเหนือเชื่อมอีสานใต้


ช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือเงินกู้และเงินให้เปล่าแก่ รัฐบาลกัมพูชา ดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงถนนสายหลักภายในประเทศแล้วอย่างน้อย 3 โครงการใหญ่ รวมกว่า 99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย 2 ใน 3 เป็นการโครงการก่อสร้างบูรณะถนนทางภาคเหนือของกัมพูชา ที่เชื่อมโยงการคมนาคมกับภาคอีสานตอนล่างของไทย 2 เส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญ คือ

1.โครงการก่อสร้างปรับปรุงถนนหมายเลข 68 จำนวน 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,400 ล้านบาท เป็นเส้นทางเชื่อมโยง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ จากด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.โอร์เสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ไปยัง บ้านกะลัน จ.อุดรมีชัย ระยะทาง 113 กิโลเมตร จุดตัดกับถนนหมายเลข 6 แนวตะวันออก-ตะวันตก เพื่อไปยังนครวัด นครธม จ.เสียมราฐ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศ ได้ลงนามสัญญาอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่กรุงพนมเปญ

2.ก่อนหน้านี้ไทยให้ความช่วยเหลือ โครงการก่อสร้างปรับปรุงถนนหมายเลข 67 ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมโยง อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ จากด่านผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ไปยัง อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย-จ.เสียมราฐ ระยะทาง 120 กม. รวม 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,600 ล้านบาท แบ่งเป็นให้การช่วยเหลือจำนวน 37 ล้านดอลลาร์ สำหรับสร้างและบูรณะทางหลวง 67 อันลองเวง จ.อุดรมีชัย-ปราสาทบันทายศรี-จ.เสียมราฐ และต่อมาให้อีก 10 ล้านดอลลาร์ เพื่อเชื่อมทางหลวง จาก อ.อันลองเวง มายังด่านช่องสะงำ ชายแดนไทย

ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จตลอดทั้งสายแล้ว ล่าสุด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นประธานร่วมเปิดใช้ถนนหมายเลข 67 ช่วงสุดท้ายระหว่างจ.เสียมราฐ-บันทายศรี เมื่อต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา

บรรยากาศ การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
รถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง ของไทย ส่งออกไปยังกัมพูชา ทางด่านช่องจอม
นายไพรัช เจริญชาศรี นายด่านศุลกากรช่องจอม
กำลังโหลดความคิดเห็น