ศูนย์ข่าวศรีราชา - เผยนักลงทุนในจ.ระยองและจันทบุรี เริ่มขยายการลงทุนด้านที่พักและรีสอร์ตเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มมากขึ้น จากการเปิดใช้สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา-พัทยาเต็มรูปแบบ ขณะที่การท่องเที่ยวยังคงมีแนวโน้มสดใส แม้นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปมากกว่าปีก่อนๆ เหตุได้ตลาดคนไทยและกลุ่มสัมมนาหนุน
นายวัชรพล สารสอน เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคกลางเขต 4 (ระยอง-จันทบุรี) เผยถึงการเตรียมเปิดใช้สนามบินเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบของสนามบินอู่ตะเภา-พัทยา หลังการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่แล้วเสร็จเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้ประเทศไทยมีสนามบินเชิงพาณิชย์เพิ่มมากขึ้นว่า นอกจากจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าภาคตะวันออกเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสทางการลงทุนให้แก่นักลงทุนด้วย เห็นได้จากจำนวนรีสอร์ต และห้องพัก ที่เริ่มมีการขยายตัวมากขึ้นทั้งในจังหวัดระยองและจันทบุรีช่วง1 ปีนี้
“ภาคตะวันออกได้อานิสงส์จากการมีเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาที่ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 8-10 ล้านคน โดยขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มไหลเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั่วภาคตะวันออก แล้ว ส่วนการลงทุนของนักลงทุน นอกจากจะมองที่ข้อได้เปรียบจากการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว การเปิดให้บริการเต็มรูปแบบของสนามบินอู่ตะเภา-พัทยาในเร็วๆ นี้ก็เป็นแรงจูงใจให้กล้าลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็ถือเป็นแนวโน้มที่ดี”
ส่วนสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดระยองและจันทบุรีในปี 2552 พบว่า เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา และแม้ช่วงดังกล่าวจะเป็นช่วงโลว์ซีซันแต่การได้ตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทย และกลุ่มสัมมนาจากต่างจังหวัด โดยเฉพาะจากภาคอีสานเข้าเสริม ก็ช่วยให้ตัวเลขนักท่อง เที่ยวและการเข้าพักในพื้นที่ดีขึ้น
จุดขายใหญ่ทางการท่องเที่ยวของจังหวัดระยองยังคงอยู่ที่เกาะเสม็ด และมีแหล่งท่องเที่ยวเสริม อย่างสวนสมุนไพรพระเทพฯ ชุมชนตลาดเก่าระยอง และระยองอะควาเรียม ส่วนจันทบุรี ก็ยังมีตลาดค้าพลอยเป็นจุดขายใหญ่ที่ยังดึงดูดได้ทั้งกลุ่มผู้ค้าต่างชาติ และนักท่องเที่ยวชาวไทย
ในปี 2550 เฉพาะจังหวัดระยอง มีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 4 ล้านคน ส่วนในปี 2551 สถานการณ์ทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจโลกทำให้ตัวเลขการท่องเที่ยวของจังหวัดลดลงประมาณ 20-25% และในปี 2552 หากสถานการณ์ทางการเมืองไม่เลวร้ายก็คาดว่าทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้น่าจะดีขึ้นจากปีก่อน
การเข้าพักและการท่องเที่ยวของระยองเริ่มดีขึ้น จากการได้ตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีประมาณ 70% และกลุ่มสัมมนาจากต่างจังหวัดเข้าเสริมตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน ตามนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาลและคาดว่าในเดือนกันยายนจนถึงตุลาคมการเข้าพักจะเต็มจากกลุ่มสัมมนาดังกล่าว
ที่สำคัญในช่วงปลายเดือนกันยายน ททท.ระยอง ยังมีแผนที่จะเดินสายจัดโรดโชว์เพื่อกระตุ้นตลาดคนไทยในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันตก หลังก่อนหน้านี้ได้เดินสายเปิดตลาดท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคอีสานจนประสบผลสำเร็จ