ศูนย์ข่าวศรีราชา -ททท.พัทยา เปิดแผนจับมือร่วมองค์กรท้องถิ่น ทั้งเมืองพัทยา อบจ.สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา จัดโครงการการันตีเที่ยวบินที่จะบินตรงมายังสนามบินอู่ตะเภา-พัทยา ถึง 70% ของจำนวนที่นั่งของสายการบินต่างๆ เป็นเวลา 6 เดือน หวังสร้างความมั่นใจให้เอเยนซีทัวร์ขนนักท่องเที่ยวผ่านสนามบินสู่ภาคตะวันออก
นายนิติ คงกรุต ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคกลางเขต 3 (พัทยา) เผยถึงแผนผลักดันให้สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา-พัทยา เป็นสนามบินหลัก ที่มีสายการบินต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มอีกแห่งตามนโยบายของรัฐบาล หลังการก่อสร้างเทอร์มินอลหลังใหม่แล้วเสร็จว่า นอกจากในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จากการท่าอากาศยานอู่ตะเภา –พัทยา จะเดินหน้าเปิดตลาดเพื่อดึงสายการบินต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการ และนำเอเยนซีทัวร์และสายการบินต่างๆ เยี่ยมชมศักยภาพของสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา-พัทยาไปแล้ว
ในส่วนของหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น ททท.พัทยา เมืองพัทยา สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา รวมทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ก็มีแผนที่จะจับมือร่วมกันเดินแผนตลาด เพื่อจูงใจให้เอเยนซีทัวร์นำสายการบินต่างชาติเข้ามาใช้บริการของสนามบินแห่งนี้ให้เพิ่มมากขึ้น ด้วยการร่วมลงขันการันตีเที่ยวบินที่จะบินตรงมาลงยังสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา- พัทยา ถึง 70% ของจำนวนที่นั่งของแต่ละสายการบิน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่สายการบินต่างๆ ว่าหากนำเครื่องมาลงยังสนามบินแห่งนี้แล้วจะไม่ขาดทุน
ที่สำคัญยังจะสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่เอเยนซีทัวร์ที่จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายขาย เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีอยู่ในภาคตะวันออกเป็นหลัก ก่อนจะใช้สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา- พัทยา เป็นฐานการเดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองท่องเที่ยวอื่นของไทยต่อไป
นายนิติ ยังเผยอีกว่าการที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา –พัทยา จะเกิดได้ตามความตั้งใจของรัฐบาลในแง่การให้บริการสายการบินอื่นๆ นอกเหนือจากเที่ยวบินตรงหรือชาร์เตอร์ไฟลต์ก็ต่อเมื่อเส้นทางท่องเที่ยวของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นเมืองพัทยา -เกาะเสม็ด จังหวัดระยองและเกาะช้าง จังหวัดตราด เกิดได้จริงซึ่งจำเป็นที่จะต้องเกิดจากความร่วมมือในการทำตลาดร่วมกันของหน่วยงานการท่องเที่ยว และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของแต่ละจังหวัด แต่ขณะนี้มีเพียงชลบุรีจังหวัดเดียวที่ได้รับเงินอุดหนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดค่อนข้างมากในแง่ของการส่งเสริมกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว
ขณะที่จังหวัดระยอง ฐานรายได้หลักมาจากภาคอุตสาหกรรม จึงทำให้องค์กรส่วนท้องถิ่นทุ่มงบประมาณในการพัฒนาพื้นฐานภาคอุตสาหกรรม ส่วนจันทบุรี เป็นเมืองที่มีรายได้จากผลไม้ซึ่งหากจะทำตลาดร่วมกัน ก็จะต้องวางแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นอย่างดีเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง
ด้านสถานการณ์การท่องเที่ยวของเมืองพัทยาในปี 2552 มี คาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เห็นได้จากยอดการจองห้องพักของนักท่องเที่ยวหลักจากยุโรปและรัสเซีย ซึ่งจะเริ่มมีการจองห้องพักในเมืองพัทยาตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนถึงธันวาคม ไม่ต่ำกว่า 3 พันห้องต่อเดือน แต่ขณะนี้กลับพบว่ามียอดการจองเข้ามาเพียง 500 ห้องต่อเดือนเท่านั้น
“หากสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยไม่เลวร้ายมากเกินไปนัก คาดว่าในปีนี้เมืองพัทยาจะมีตัวเลขการท่องเที่ยวอยู่ที่ 80-90% ของยอดการท่องเที่ยวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองพัทยาเมื่อปีก่อน ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้การท่องเที่ยวของเมืองพัทยา ค่อนข้างฟื้นได้ช้าน่าจะเป็นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก โดยปัจจัยด้านการเมืองถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบท้ายที่สุด ” นายนิติ กล่าว
นายนิติ คงกรุต ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคกลางเขต 3 (พัทยา) เผยถึงแผนผลักดันให้สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา-พัทยา เป็นสนามบินหลัก ที่มีสายการบินต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มอีกแห่งตามนโยบายของรัฐบาล หลังการก่อสร้างเทอร์มินอลหลังใหม่แล้วเสร็จว่า นอกจากในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จากการท่าอากาศยานอู่ตะเภา –พัทยา จะเดินหน้าเปิดตลาดเพื่อดึงสายการบินต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการ และนำเอเยนซีทัวร์และสายการบินต่างๆ เยี่ยมชมศักยภาพของสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา-พัทยาไปแล้ว
ในส่วนของหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น ททท.พัทยา เมืองพัทยา สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา รวมทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ก็มีแผนที่จะจับมือร่วมกันเดินแผนตลาด เพื่อจูงใจให้เอเยนซีทัวร์นำสายการบินต่างชาติเข้ามาใช้บริการของสนามบินแห่งนี้ให้เพิ่มมากขึ้น ด้วยการร่วมลงขันการันตีเที่ยวบินที่จะบินตรงมาลงยังสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา- พัทยา ถึง 70% ของจำนวนที่นั่งของแต่ละสายการบิน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่สายการบินต่างๆ ว่าหากนำเครื่องมาลงยังสนามบินแห่งนี้แล้วจะไม่ขาดทุน
ที่สำคัญยังจะสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่เอเยนซีทัวร์ที่จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายขาย เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีอยู่ในภาคตะวันออกเป็นหลัก ก่อนจะใช้สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา- พัทยา เป็นฐานการเดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองท่องเที่ยวอื่นของไทยต่อไป
นายนิติ ยังเผยอีกว่าการที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา –พัทยา จะเกิดได้ตามความตั้งใจของรัฐบาลในแง่การให้บริการสายการบินอื่นๆ นอกเหนือจากเที่ยวบินตรงหรือชาร์เตอร์ไฟลต์ก็ต่อเมื่อเส้นทางท่องเที่ยวของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นเมืองพัทยา -เกาะเสม็ด จังหวัดระยองและเกาะช้าง จังหวัดตราด เกิดได้จริงซึ่งจำเป็นที่จะต้องเกิดจากความร่วมมือในการทำตลาดร่วมกันของหน่วยงานการท่องเที่ยว และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของแต่ละจังหวัด แต่ขณะนี้มีเพียงชลบุรีจังหวัดเดียวที่ได้รับเงินอุดหนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดค่อนข้างมากในแง่ของการส่งเสริมกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว
ขณะที่จังหวัดระยอง ฐานรายได้หลักมาจากภาคอุตสาหกรรม จึงทำให้องค์กรส่วนท้องถิ่นทุ่มงบประมาณในการพัฒนาพื้นฐานภาคอุตสาหกรรม ส่วนจันทบุรี เป็นเมืองที่มีรายได้จากผลไม้ซึ่งหากจะทำตลาดร่วมกัน ก็จะต้องวางแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นอย่างดีเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง
ด้านสถานการณ์การท่องเที่ยวของเมืองพัทยาในปี 2552 มี คาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เห็นได้จากยอดการจองห้องพักของนักท่องเที่ยวหลักจากยุโรปและรัสเซีย ซึ่งจะเริ่มมีการจองห้องพักในเมืองพัทยาตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนถึงธันวาคม ไม่ต่ำกว่า 3 พันห้องต่อเดือน แต่ขณะนี้กลับพบว่ามียอดการจองเข้ามาเพียง 500 ห้องต่อเดือนเท่านั้น
“หากสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยไม่เลวร้ายมากเกินไปนัก คาดว่าในปีนี้เมืองพัทยาจะมีตัวเลขการท่องเที่ยวอยู่ที่ 80-90% ของยอดการท่องเที่ยวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองพัทยาเมื่อปีก่อน ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้การท่องเที่ยวของเมืองพัทยา ค่อนข้างฟื้นได้ช้าน่าจะเป็นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก โดยปัจจัยด้านการเมืองถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบท้ายที่สุด ” นายนิติ กล่าว