ตาก- “เสมา 2” ประสาน “สุวิทย์” แก้ไขและหาทางออกไฟฟ้าอุ้มผาง หลัง จนท.ป่าไม้ยึดเสาไฟฟ้านับพันต้น พร้อมแจ้งข้อหาทำผิดกฎหมายป่าไม้ต่อทีมเจ้าหน้าที่ขยายพื้นที่ให้บริการไฟฟ้าของ กฟภ.
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรงวงศึกษาธิการ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตาก กล่าวถึ ปัญหาการขยายเขตไฟฟ้าโดยปักเสาพาดสายเพื่อส่งกระแสไฟฟ้าจากสถานี อ.แม่สอด ไปที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ว่าโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการมา 3-4 ปีแล้ว โดยการนำงบประมาณเข้ามากว่า 100 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาไฟฟ้าอำเภออุ้มผางที่ใช้ไฟฟ้าปั่น และมีปัญหาไฟฟ้าดับบ่อย ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วส่วนหนึ่ง
กระทั่งมีการเปลี่ยนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมทั้งเจ้าหน้าที่ภาคสนาม จนนำไปสู่การจับกุมเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่เข้าไปดำเนินการอีก ซึ่งขณะนี้ตนได้ประสานงานกับรัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) เพื่อส่งเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ไปดูแลในพื้นที่เป็นกรณีพิเศษ และในเดือนตุลาคม 2552 นี้ จะเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดตาก รวมทั้งฝ่ายสำนักบริหารพื้นที่ อนุรักษ์ที่ 14 จ.ตาก, การไฟฟ้าภูมิภาค และนายอำเภออุ้มผาง ไปร่วมประชุมเพื่อให้เกิดความเข้าใจ และจะได้ดำเนินการต่อไป ส่วนเรื่องคดีนั้น ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ต้องพิจารณาถึงความเดือดร้อนของชาวอำเภออุ้มผางก่อน
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแม่สอดได้ไปดำเนินโครงการ ดังกล่าว และถูกเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ประจำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ตรวจยึดเสาไฟฟ้าคอนกรีตที่ฝังลงดินไปแล้วกว่า 100 ต้น รวมทั้งเสาไฟฟ้าคอนกรีตที่วางกองอยู่ตามถนนสายแม่สอด-อำเภออุ้มผาง อีกจำนวนกว่า 800 ต้น และเสาไฟที่เตรียมฝังดินที่วางไว้ข้างทางอีก กว่า 60 ต้น รวมกว่า 1,000 ต้น เหตุเกิดเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน 2552 ที่ผ่านมา
จนท.ป่าไม้ ประจำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่การไฟฟ้าภูมิภาคอำเภออุ้มผาง ในข้อกล่าวหากระทำผิดต่อ พ.ร.บ.สงวน และคุมครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507, พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ พ.ศ.2535
ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ชี้แจงว่าการดำเนินการปักเสาพาดสายนั้น ทำตามนโยบายการขยายเขตการจ่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อบริการประชาชน และได้แจ้งเรื่องนี้ให้ทางนายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ทราบเรื่องแล้ว โดยได้ประสานกับทางผู้บังคับบัญชาของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชไปแล้วเช่นกัน และไม่ทราบว่าทำไมจึงถูก จนท.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ยึดเสาไฟฟ้าดังกล่าว
โครงการขยายเขตไฟฟ้า แม่สอด-อุ้มผาง ใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท โดยการปักเสาพาดสายไฟฟ้าจากสถานีไฟฟ้าที่ตั้ง อ.แม่สอด ไป อ.อุ้มผาง จ.ตาก ระยะทางประมาณ 160 กม.เป็นโครงการเพื่อขยายการส่งกระแสไฟฟ้าไปยังพื้นที่ห่างไกล และยังไม่มีไฟฟ้าใช้ต้องใช้เครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าด้วยระบบโรงจักรไฟฟ้า ซึ่งเป็นระบบเก่าและไม่ทันสมัยหรือเพียงพอกับการใช้กระแสไฟฟ้าที่มีประชาชนต้องการมากขึ้น
ทั้งนี้ ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งระหว่างการดำเนินการได้เกิดปัญหาการใช้พื้นที่ป่าไม้มาโดยตลอด และทำให้โครงการล่าช้า ทั้งๆ ที่หลักฐานภาพถ่ายดาวเทียมที่ถ่ายมาได้นั้นพบว่าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางได้ถูกบุกรุกไปจำนวนมากจากผู้บุกรุก โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้พยายามหลีกเลี่ยงการตัดไม้ และพยายามใช้พื้นที่ที่ป่าไม้ถูกตัดไปแล้วให้มากที่สุดในการปักเสาพาดสายไฟฟ้า
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรงวงศึกษาธิการ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตาก กล่าวถึ ปัญหาการขยายเขตไฟฟ้าโดยปักเสาพาดสายเพื่อส่งกระแสไฟฟ้าจากสถานี อ.แม่สอด ไปที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ว่าโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการมา 3-4 ปีแล้ว โดยการนำงบประมาณเข้ามากว่า 100 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาไฟฟ้าอำเภออุ้มผางที่ใช้ไฟฟ้าปั่น และมีปัญหาไฟฟ้าดับบ่อย ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วส่วนหนึ่ง
กระทั่งมีการเปลี่ยนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมทั้งเจ้าหน้าที่ภาคสนาม จนนำไปสู่การจับกุมเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่เข้าไปดำเนินการอีก ซึ่งขณะนี้ตนได้ประสานงานกับรัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) เพื่อส่งเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ไปดูแลในพื้นที่เป็นกรณีพิเศษ และในเดือนตุลาคม 2552 นี้ จะเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดตาก รวมทั้งฝ่ายสำนักบริหารพื้นที่ อนุรักษ์ที่ 14 จ.ตาก, การไฟฟ้าภูมิภาค และนายอำเภออุ้มผาง ไปร่วมประชุมเพื่อให้เกิดความเข้าใจ และจะได้ดำเนินการต่อไป ส่วนเรื่องคดีนั้น ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ต้องพิจารณาถึงความเดือดร้อนของชาวอำเภออุ้มผางก่อน
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแม่สอดได้ไปดำเนินโครงการ ดังกล่าว และถูกเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ประจำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ตรวจยึดเสาไฟฟ้าคอนกรีตที่ฝังลงดินไปแล้วกว่า 100 ต้น รวมทั้งเสาไฟฟ้าคอนกรีตที่วางกองอยู่ตามถนนสายแม่สอด-อำเภออุ้มผาง อีกจำนวนกว่า 800 ต้น และเสาไฟที่เตรียมฝังดินที่วางไว้ข้างทางอีก กว่า 60 ต้น รวมกว่า 1,000 ต้น เหตุเกิดเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน 2552 ที่ผ่านมา
จนท.ป่าไม้ ประจำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่การไฟฟ้าภูมิภาคอำเภออุ้มผาง ในข้อกล่าวหากระทำผิดต่อ พ.ร.บ.สงวน และคุมครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507, พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ พ.ศ.2535
ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ชี้แจงว่าการดำเนินการปักเสาพาดสายนั้น ทำตามนโยบายการขยายเขตการจ่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อบริการประชาชน และได้แจ้งเรื่องนี้ให้ทางนายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ทราบเรื่องแล้ว โดยได้ประสานกับทางผู้บังคับบัญชาของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชไปแล้วเช่นกัน และไม่ทราบว่าทำไมจึงถูก จนท.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ยึดเสาไฟฟ้าดังกล่าว
โครงการขยายเขตไฟฟ้า แม่สอด-อุ้มผาง ใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท โดยการปักเสาพาดสายไฟฟ้าจากสถานีไฟฟ้าที่ตั้ง อ.แม่สอด ไป อ.อุ้มผาง จ.ตาก ระยะทางประมาณ 160 กม.เป็นโครงการเพื่อขยายการส่งกระแสไฟฟ้าไปยังพื้นที่ห่างไกล และยังไม่มีไฟฟ้าใช้ต้องใช้เครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าด้วยระบบโรงจักรไฟฟ้า ซึ่งเป็นระบบเก่าและไม่ทันสมัยหรือเพียงพอกับการใช้กระแสไฟฟ้าที่มีประชาชนต้องการมากขึ้น
ทั้งนี้ ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งระหว่างการดำเนินการได้เกิดปัญหาการใช้พื้นที่ป่าไม้มาโดยตลอด และทำให้โครงการล่าช้า ทั้งๆ ที่หลักฐานภาพถ่ายดาวเทียมที่ถ่ายมาได้นั้นพบว่าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางได้ถูกบุกรุกไปจำนวนมากจากผู้บุกรุก โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้พยายามหลีกเลี่ยงการตัดไม้ และพยายามใช้พื้นที่ที่ป่าไม้ถูกตัดไปแล้วให้มากที่สุดในการปักเสาพาดสายไฟฟ้า