ตราด - สาวใหญ่วัย 43 ปี ป่วยเป็นโรคมีสารทองแดงมากผิดปกติ ส่งผลกระทบต่อสมอง ระบุร่างกายไม่มีแรง มีอาการสั่น ขากระดก ขับถ่ายปกติ วอนสังคมช่วยเหลือ เผยน้องสาวเริ่มมีอาการ ยาย-ลูกสาว วอนช่วยค่ายาเหตุต้องซื้อ 1,650 บาทต่อขวด ไม่มีเงินซื้อ
ที่บ้านเลขที่ 8/5 หมู่ 3 บ้านบางปรง ต.ห้วยแร้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด ที่เป็นบ้านของนางสงกรานต์ อิงขนร อายุ 69 ปีที่เป็นเจ้าของบ้านและมีบุตรสาวชื่อนางจันทนา อิงขนร อายุ 43 ปีและหลานสาว ชื่อ น.ส.กัณทิมา อิงขนร อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะบริหารจัดการ เอกการเงิน มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี (จันทบุรี)
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายบังคม ชมพูคำ อาจารโรงเรียนบ้านบางปรือ ต.ห้วยแร้ง อ.เมือง จ.ตราดว่า นางจันทิมา อิงขนร เกิดเป็นโรคประหลาดเพราะในร่างกายมีสารทองแดงอยู่ในร่างกายปริมาณมากเกินปกติ ทำให้มีอาการสั่นตามร่างกายและเดินไม่ได้ เนื่องจากไม่มีแรง
เมื่อเดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว อาจารย์โรงเรียนบ้านบางปรงนำไปพบที่บ้าน ปรากฏว่าพบบุคคลทั้ง 3 อยู่ในบ้านไม้ชั้นเดียว มีนางจันทิมา นอนอยู่บนเรือน มีอาการสั่นและบางครั้งแขน,ขา ก็กระดกขึ้น มือ, แขนและเท้ามีอาการเกร็งขยับตัวได้ลำบาก ซึ่งข้างๆ มีนางสงกรานต์ อิงขนร มารดาและนางสาวกัณทิมา อิงขนร ลูกสาวคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ
นางสงกรานต์เล่าให้ฟังว่า มีบุตรสาว 2 คน คือ นางจันทิมา อิงขนร อายุ 43 ปี และนางนันทิกา อิงขนร อายุ 37 ปี ทั้ง 2 คนมีสามีแล้ว โดยนางจันทิมามีสามีชื่อนายบรรเลง สุขนรา และมีบุตรด้วยกัน 1 คน (น.ส.กัณทิมา) ส่วนนางนันทิกามีครอบครัวและแยกครอบครัวออกไป นางจันทิมาได้เลิกกับสามีหลังคลอดบุตรสาวได้เพียง 7 เดือน และตนเองได้ช่วยกันดูแลหลานสาวมาโดยตลอด และเมื่ออายุ 24 ปี นางจันทิมาเริ่มมีอาการเฉื่อย ซึม เดินไม่ตรงทาง ร่วมทั้งไม่มีเรี่ยวแรง บางครั้งเวลาเดินอยู่ก็ล้มหงายหรือ หน้าขมำอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ไม่สามารถไปทำงานหรือประกอบอาชีพอื่นไม่ได้ ตนเองจึงต้องรับภาระเลี้ยงดู ด้วยการ เก็บผัก ค้าขายอาหารตามสั่งอยู่ที่บ้าน
“แต่เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ลูกเริ่มมีอาการหนักขึ้นกว่าเดิม จึงได้พาไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา ที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี แพทย์ได้วินิจฉัยแล้วพบว่า เป็นโรคมีสารทองแดงในร่างกายมากผิดปกติ จึงได้จ่ายยา Cuprimine มารับประทาน เพื่อระงับอาการสั่น ซึ่งมีราคาแพงมาก 1 ขวด มี 100 เม็ด ราคา 1,650 บาท ต้องกินวันละ 6 เม็ด (3 มื้อ) แค่ 15-17 วันก็หมดแล้ว จึงอยากจะขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ และทางราชการ เพราะทุกวันนี้ต้องหาเงินให้หลานไว้ใช้เรียนหนังสือ และยังต้องมาซื้อยา
รวมทั้งค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ตอนนี้ทำงานไม่ค่อยได้เพราะอายุมาก และต้องคอยดูแลลูกสาวด้วย ทุกวันนี้ในทุกวันศุกร์หลาน จะกลับมาจากเรียน เพื่อมาช่วยดูแลแม่และหารายได้ และรายได้ส่วนหนึ่งก็ต้องแบ่งให้หลานไป บางทีก็ให้ไปแค่ 100 บาท แล้วค่อยหา ส่งไปให้ใหม่ 100-200 บาท เป็นอย่างนี้ทุกอาทิตย์ไป”
ขณะที่ น.ส.กัณทิมา กล่าวว่า แม่ป่วยมาตั้งแต่อายุ 2 ขวบ มียายคอยดูแลและส่งให้เรียนหนังสือจนจบ ที่โรงเรียนเขาสมิงวิทยาคม และเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฎรำไพพรรณี จนปัจจุบันขึ้นปีที่ 2 คณะวิทยาการ จัดการ เอกการเงิน แต่แม่มีอาการหนักมากขึ้น ทำให้ยายที่หาเงินเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว ต้องเดือดร้อนเพราะ ไม่พอใช้ในครอบครัว
ขณะนี้กำลังคิดอยู่ว่าอาจจะต้องออกจากการเรียนก่อนชั่วคราวเพื่อมาช่วยดูแลมารดา และช่วยยายทำงาน แม้ขณะนี้จะได้รับเงินกู้เรียนจาก กยศ. แต่ค่าครองชีพได้ไม่เพียงพอจ่ายค่าหอพักก็หมดแล้ว จึงอยากจะขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญขอทุนเรียนหนังสือให้จบเพื่อออกมาทำงานเลี้ยงดูครอบครัวคือแม่และยาย ต่อไป
“ทราบว่าแม่มีอาการป่วยที่ตับที่ทำงานไม่เป็นปกติ ตอนแรกไม่เป็นมากกระทั่ง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ไม่สามารถเดินได้ และทำงานได้ ทำให้ต้องกลับมาบ้านเพื่อช่วยดูแลแม่เท่าที่มีโอกาสทำได้”
ด้าน นายแพทย์จรัญ บุญญฤทธิกาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตราด กล่าวถึงโรคนี้ว่า โรคนี้เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของตับและไตที่ขับถ่ายของเสียอย่างสารทองแดงออกจากร่างกายได้น้อย ทำให้มีการสะสมสารทองแดงภายในร่างกายมาก ซึ่งภายในร่างกายของคนเรามีสารทองแดงอยู่ทุกคน และสารดังกล่าวจะได้รับจากหอยแครง เครื่องในสัตว์ เมล็ดถั่วแดง เมื่อรับประทานเข้าไปตับมีหน้าที่ในการกำจัดของเสียและออกทางไตโดยการปัสสาวะ แต่มีปริมาณมากและขับออกมาน้อยก็จะเกิดผลกระทบกับร่างกายดังคนไข้รายนี้ อย่างไรก็ตาม อัตราการเกิดโรคนี้ มีน้อยมาก
“โรคนี้หากเกิดในเด็กจะพบก่อนอายุ 16 ปี และหากเกิดในผู้ใหญ่จะพบก่อนอายุ 34 ปี ซึ่งผลข้างเคียงของ โรคนี้จะทำให้คนป่วยมีอาการทางจิต ประสาทหลอน ตับอักเสบ ซึ่งผู้ป่วยจะต้องทานยา Cuprimine เพื่อควบคุมและรักษาอาการ และในช่วงที่รักษาตัวห้ามรับประทานอาหาร
เช่น หอยแครง เมล็ดถั่วแดง เครื่องในสัตว์ เพราะอาหารเหล่านี้มีสารทองแดงอยู่เป็นจำนวนมาก หากทานเข้าไปจะเป็นการเพิ่มปริมาณให้มากขึ้น ส่วนกรณีที่คนไข้มีบุตร โอกาสเสี่ยงที่บุตรสาวจะเป็นนั้นเป็นไปได้สูง เนื่องจากเป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ทางที่ดีควรจะไปตรวจและรักษาตัวแต่เนิ่นๆ ก็จะช่วยได้”