บุรีรัมย์ - บ้านและที่ดินมรดกที่พ่อแม่แบ่งให้ด้วยวาจาคนละครึ่ง แต่หลังแม่เสียชีวิต ถูกหลานสาวตัวแสบหลอกให้เซ็นมอบอำนาจอ้างไปทำโฉนด สุดท้ายถูกฟ้องบังคับคดีไล่รื้อถอนบ้านออกจากที่ดิน ทำให้สองตายายวัยร่วม 70 ปี และลูกสาวไร้ที่อาศัย ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของชาวบ้าน ว่า หลานแท้ๆ ทำเกินกว่าเหตุเพียงหวังที่ดินแค่ 75 ตารางวา
วันนี้ (22 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ชาวบ้านค้อ หมู่ 7 ต.โคกสะอาด อ.ลำปลายมาศ กว่า 50 คน ได้มาให้กำลังใจ นายน้อย เขื่อนแก้ว อายุ 69 ปี นางหวัง เขื่อนแก้ว อายุ 66 ปี สองสามีภรรยา และ นางวงเดือน เขื่อนแก้ว อายุ 32 ปี บุตรสาว ซึ่งเดิมเป็นเจ้าของบ้านและที่ดินที่อาศัยอยู่ปัจจุบัน แต่หลังจากเจ้าหน้าที่บังคับคดี มาสั่งให้ขนข้าวของและรื้อบ้านเลขที่ 123 หมู่ 7 ออกจากที่ดินเลขที่ 321 ต.โคกสะอาด เนื้อที่ประมาณ 75 ตารางวา ตามคำสั่งศาล
โดยชาวบ้านได้พยายามขอร้องให้ นายพิริยะ จิตตพิริยะการ นิติกรบังคับคดี ได้เจรจากับ น.ส.สี ประทุมศิริ ซึ่ง เป็นหลานสาวของนายน้อย และ นางหวัง ที่เป็นโจทย์ฟ้องขับไล่ ให้ยืดเวลาการรื้อถอนออกไปเป็นหลังออกพรรษา หรือประมาณวันที่ 3-5 ต.ค.นี้ เพราะขัดต่อประเพณีชาวบ้านจะไม่รื้อบ้านในช่วงเข้าพรรษา รวมทั้งเพื่อให้เวลานายน้อย และนางหวัง สองสามีภรรยา หาที่อยู่ใหม่ได้ทัน
จากการเจรจาทางฝ่ายโจทก์ คือ น.ส.สี ประทุมศิริ ผู้เป็นหลานสาว ไม่ยอมให้เลื่อนเวลาออกไป โดยอ้างว่า ได้พ้นกำหนดมาตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องทำตาม เพราะเป็นความต้องการของโจทก์ตามที่ศาลระบุไว้ ชาวบ้านจึงช่วยกันย้ายข้าวของออกจากบ้านหลังดังกล่าวเพื่อทำการรื้อบ้าน ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของชาวบ้านว่าหลานในไส้แท้ๆ กลับทำเกินกว่าเหตุเพียงหวังที่ดินแค่ 75 ตารางวา มูลค่า 70,000-80,000 บาทเท่านั้น
นางหวัง เขื่อนแก้ว อายุ 66 ปี เล่าว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของ นางน้อย ที่รัก แม่ของตน ซึ่งเสียชีวิตเมื่อ 10 ปีก่อน โดยก่อนแม่เสียชีวิตได้เคยแบ่งที่ดินปลูกบ้านให้ นางหนม ประทุมศิริ พี่สาว และพี่เขย ประมาณ 75 ตารางวา คนละครึ่งกับบ้านเดิม คือ หลังที่ตนอาศัยอยู่ปัจจุบัน โดยใช้เสาไม้มาปักแบ่งเขตแดนเท่านั้น ต่อมา นางหนม ประทุมศิริ พี่สาวได้เสียชีวิตลง พี่เขยและหลานสาว คือ น.ส.สี ประทุมศิริ ได้มาเดินเรื่องขอรังวัดที่ดินเพื่อทำการออกโฉนด โดยให้ตนเซ็นชื่อยินยอมให้ออกโฉนดเป็นแปลงเดียวก่อน แล้วจะมาแบ่งให้ในภายหลัง ต่อมาถึงมาทราบว่าถูกฟ้องไล่ที่ รู้สึกตกใจและเสียใจมาก เพราะเป็นที่ดินที่เคยอาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด และไม่คาดคิดว่าหลานในไส้จะทำได้
ด้าน นายน้อย เขื่อนแก้ว อายุ 69 ปี สามีนางหวัง บอกว่า ภรรยามีอาการทางปราสาท และเข้าทำการรักษากินยามาตั้งแต่ปี 2532 การขึ้นศาลแต่ละครั้งมีเพียง นางหวัง คนเดียว ที่เจ้าหน้าที่ยอมให้การ โดยไม่อนุญาตให้คนอื่นที่รู้เห็นเข้าให้การแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวของโจทย์ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ กล้าขับไล่เพื่อหวังที่ดินเพียง 75 ตารางวา
“หลังจากถูกขับไล่ออกจากที่ดินแล้ว คงจะพาภรรยาและลูกสาวไปขออาศัยที่ดินเพื่อนบ้านอยู่ตามยะถากรรมไปก่อนชั่วคราว เพราะยังไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน” นายน้อย กล่าว