สระแก้ว-จังหวัดสระแก้ว ประชุมเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างหอการค้าไทย-กัมพูชา หวังสร้างความร่วมมือ ตั้งสภาธุรกิจร่วม 2 ฝ่าย ในอนาคต
วันนี้ (21 ก.ย.) ณ ห้องประชุมโรงแรมอินโดจีน อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วเป็นประธานการประชุมเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนและเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างหอการค้าไทย-กัมพูชา โดยมีนางสาวจันทร์เพ็ญ สอนสมสุข พาณิชย์จังหวัดสระแก้ว พร้อมหอการค้าไทยและภาคตะวันออก ประกอบด้วยจังหวัดสระแก้ว และจังหวัดตราด อุบลราชราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ จันทบุรี ระยอง จันทบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สมุรปราการ ฉะเชิงเทรา และจังหวัดชลบุรี ร่วมประชุมครั้งนี้กว่า 100 คน
นอกจากนั้นยังมีหอการค้าของประเทศกัมพูชา ประกอบด้วยจังหวัดบันเตียเมียนเจย จังหวัดพระตะบอง จังหวัดโพธิสัตว์ จังหวัดกัมปงจาม จังหวัดกัมปอต จังหวัดก็อนดาล จังหวัดตาแก้ว จังหวัดเกาะกง จังหวัดสีหนุวิลล์ และจังหวัดเสียมราฐ โดยมี นายเพ็ญ กง ประธานหอการค้าจังหวัดเสียมราฐ พร้อมคณะนักธุรกิจชาวกัมพูชา ร่วมประชุมกว่า 30 คน
นายศานิตย์กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างหอการค้าไทยกับหอการค้าฝ่ายกัมพูชา เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทั้ง 2 ฝ่ายมีความเข้าใจอันดีต่อกันมากยิ่งขึ้น และรวมไปถึงการก่อตั้งหอการค้าร่วมกันหรือสภาธุรกิจร่วม 2 ฝ่าย ในอนาคต เพื่อดำเนินกิจกรรมร่วมกันในส่วนของภาคเอกชน ที่ประกอบการค้าระหว่างประเทศร วมทั้งการแสวงหาลู่ทางลดปัญหาอุปสรรคทางการค้า
นอกจากนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการตามแนวชายแดนและนักธุรกิจอื่นๆ ได้มีโอกาสขยายการค้าการลงทุนกับนักธุรกิจรายใหม่ ที่จะก่อให้เกิดพันธมิตรทางการค้า ซึ่งจะทำให้การค้ามีความมั่นคงยั่งยืน และส่งผลต่อมูลค่าการค้าชายแดนที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตเพื่อเป็นการรองรับกับการขยายตัวของธุรกิจการค้า การลงทุนทั้งภายในและนอกประเทศ เพื่อเป็นการเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการค้าการลงทุน และเพื่อให้ภาครัฐและภาคเอกชนไทย ปรับตัวรับการแข่งขันที่กำลังเพิ่มขึ้น รวมทั้งร่วมการสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าทีกำลังสูงขึ้นในอนาคต
นายศานิตย์กล่าวว่า ถือเป็นสิ่งที่ดีและสามารถช่วยให้ระบบการค้าระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่าย มีโอกาสลงทุนเพิ่มขึ้น การประกอบธุรกิจนำเข้า-ส่งออก หรือการลงทุนกับประเทศกัมพูชานั้น ผู้ประกอบการค้าจะต้องมีความเข้าใจและรู้สึกถึงสภาพสถานการณ์ความสัมพันธ์ และกับการใช้ประโยชน์จากความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคสู่ระบบการค่าต่างๆ มีความเข้าใจกันมากขึ้น
นอกจากนี้ การเจรจาจับคู่ธุรกิจการค้าที่ประกอบด้วย 5 กลุ่มสินค้า ทั้งสินค้าเกษตร พืชไร่ สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเครื่องจักรกล สินค้าบริการและสินค้าเกษตร ผัก ผลไม้ หากทั้ง 2 ฝ่ายสามารถเจรจาตกลงกันได้ก็สามารถเพิ่มคู่ค้าและมูลค่าการค้า การลงทุนทั้ง 2 ฝ่ายได้ ในอนาคต
วันนี้ (21 ก.ย.) ณ ห้องประชุมโรงแรมอินโดจีน อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วเป็นประธานการประชุมเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนและเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างหอการค้าไทย-กัมพูชา โดยมีนางสาวจันทร์เพ็ญ สอนสมสุข พาณิชย์จังหวัดสระแก้ว พร้อมหอการค้าไทยและภาคตะวันออก ประกอบด้วยจังหวัดสระแก้ว และจังหวัดตราด อุบลราชราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ จันทบุรี ระยอง จันทบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สมุรปราการ ฉะเชิงเทรา และจังหวัดชลบุรี ร่วมประชุมครั้งนี้กว่า 100 คน
นอกจากนั้นยังมีหอการค้าของประเทศกัมพูชา ประกอบด้วยจังหวัดบันเตียเมียนเจย จังหวัดพระตะบอง จังหวัดโพธิสัตว์ จังหวัดกัมปงจาม จังหวัดกัมปอต จังหวัดก็อนดาล จังหวัดตาแก้ว จังหวัดเกาะกง จังหวัดสีหนุวิลล์ และจังหวัดเสียมราฐ โดยมี นายเพ็ญ กง ประธานหอการค้าจังหวัดเสียมราฐ พร้อมคณะนักธุรกิจชาวกัมพูชา ร่วมประชุมกว่า 30 คน
นายศานิตย์กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างหอการค้าไทยกับหอการค้าฝ่ายกัมพูชา เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทั้ง 2 ฝ่ายมีความเข้าใจอันดีต่อกันมากยิ่งขึ้น และรวมไปถึงการก่อตั้งหอการค้าร่วมกันหรือสภาธุรกิจร่วม 2 ฝ่าย ในอนาคต เพื่อดำเนินกิจกรรมร่วมกันในส่วนของภาคเอกชน ที่ประกอบการค้าระหว่างประเทศร วมทั้งการแสวงหาลู่ทางลดปัญหาอุปสรรคทางการค้า
นอกจากนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการตามแนวชายแดนและนักธุรกิจอื่นๆ ได้มีโอกาสขยายการค้าการลงทุนกับนักธุรกิจรายใหม่ ที่จะก่อให้เกิดพันธมิตรทางการค้า ซึ่งจะทำให้การค้ามีความมั่นคงยั่งยืน และส่งผลต่อมูลค่าการค้าชายแดนที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตเพื่อเป็นการรองรับกับการขยายตัวของธุรกิจการค้า การลงทุนทั้งภายในและนอกประเทศ เพื่อเป็นการเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการค้าการลงทุน และเพื่อให้ภาครัฐและภาคเอกชนไทย ปรับตัวรับการแข่งขันที่กำลังเพิ่มขึ้น รวมทั้งร่วมการสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าทีกำลังสูงขึ้นในอนาคต
นายศานิตย์กล่าวว่า ถือเป็นสิ่งที่ดีและสามารถช่วยให้ระบบการค้าระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่าย มีโอกาสลงทุนเพิ่มขึ้น การประกอบธุรกิจนำเข้า-ส่งออก หรือการลงทุนกับประเทศกัมพูชานั้น ผู้ประกอบการค้าจะต้องมีความเข้าใจและรู้สึกถึงสภาพสถานการณ์ความสัมพันธ์ และกับการใช้ประโยชน์จากความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคสู่ระบบการค่าต่างๆ มีความเข้าใจกันมากขึ้น
นอกจากนี้ การเจรจาจับคู่ธุรกิจการค้าที่ประกอบด้วย 5 กลุ่มสินค้า ทั้งสินค้าเกษตร พืชไร่ สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเครื่องจักรกล สินค้าบริการและสินค้าเกษตร ผัก ผลไม้ หากทั้ง 2 ฝ่ายสามารถเจรจาตกลงกันได้ก็สามารถเพิ่มคู่ค้าและมูลค่าการค้า การลงทุนทั้ง 2 ฝ่ายได้ ในอนาคต