ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เครือข่ายองค์กรประชาชนเพื่อการปฏิรูปที่ดิน 26 เครือข่าย 15 จังหวัดภาคเหนือ หนุนนโยบาย “โฉนดชุมชน” ของรัฐบาล เชื่อเป็นเครื่องมือให้อำนาจชุมชนมีส่วนร่วมกระบวนการจัดการทรัพยากรท้องถิ่น วอนรัฐเร่งพื้นที่นำร่อง 35 ชุมชน แต่ต้องทบทวนการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่จะนำมาบังคับใช้หวั่นไม่รองรับการแก้ปัญหา แนะจัดเวทีประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นก่อน
วันนี้ (8 ก.ย.) ที่โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ จังหวัดเชียงใหม่ เครือข่ายองค์กรประชาชนเพื่อการปฏิรูปที่ดิน 26 เครือข่าย 15 จังหวัดภาคเหนือ จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การกระจายการถือครองที่ดินในรูปแบบโฉนดชุมชน” โดยมีผู้เข้าร่วมการสัมมนาเป็นสมาชิกเครือข่ายประมาณ 500 คน
ในโอกาสเดียวกันนี้ทางเครือข่ายองค์กรประชาชนเพื่อการปฏิรูปที่ดิน 26 เครือข่าย 15 จังหวัดภาคเหนือ ได้แถลงการณ์กรณีข้อเสนอต่อนโยบายการจัดการที่ดินโดยประชาชนในรูปแบบโฉนดชุมชนและข้อคิดเห็นต่อร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. ...โดยมี นายภูเบศร์ จันทนิมิ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนในการรับข้อเสนอดังกล่าว
สำหรับข้อเสนอในแถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาว่าเครือข่ายฯ เห็นด้วยและสนับสนุนนโยบาย “โฉนดชุมชนและธนาคารที่ดิน” ของรัฐบาล และเห็นว่ารัฐบาลต้องผลักดันให้การแก้ไขปัญหาการถือครองที่ดินเกิดความเป็นธูปธรรม เป็นวาระของชาติ เพราะที่ผ่านมาที่ดินซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตขั้นพื้นฐานไม่มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะด้านเกษตรกรรมที่คนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่สามารถเข้าถึงการทำประโยชน์และมีความมั่นคงในอาชีพ โฉนดชุมชนจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการที่ดินที่ให้อำนาจแก่ชุมชนมีส่วนร่วมในการสร้างกระบวนการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของท้องถิ่นและรักษาสภาพแวดล้อมอย่างเป็นระบบ โดยมีคณะกรรมการระดับชุมชนเป็นผู้รับผิดชอบการบริหารจัดการร่วมกับรัฐ
ขณะเดียวกัน เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเอาพื้นที่นำร่อง 35 ชุมชน ตามสรุปผลจากการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่องการกระจายการถือครองที่ดินในรูปแบบโฉนดชุมชนที่เกิดขึ้นนั้น นำเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศพื้นที่นำร่องทันที แม้บางพื้นที่อาจจะมีปัญหากับกฎหมายของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องบางส่วนก็ต้องมีการออกมติคณะรัฐมนตรีเพื่อขจัดข้อจำกัดทางกฎหมายเหล่านั้น
ส่วนกรณีรัฐบาลจะเร่งรัดให้มีการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชนนั้น เห็นว่ายังไม่สามารถรองรับการแก้ไขปัญหาที่ดินตามเจตนารมณ์ของประชาชนได้ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนระเบียบดังกล่าว และจัดทำเวทีประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้านเสียก่อน