นครพนม - ทหารพรานนครพนมรวบยายวัย 77 ปี พร้อมยาบ้ากว่า 20,000 เม็ด สารภาพหวังค่าจ้าง 2 แสน รับช่วงต่อจากลูก หลังถูกจับติดคุกเมื่อ 2 ปี ก่อน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (1 ก.ย.) ที่หน้าตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายพงษ์ศิริ กุสุมภ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พล.ต.ต.พนมพร อิทธิประเสริฐ ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ อิ่มทั่ว ผกก.สภ.ท่าอุเทน ร.ต.อ.อดิสัย ไขประพาย ผบ.ร้อย ทหารพราน 2104 สังกัดกองกำลังสุระศักดิ์มนตรี และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวการจับกับ นางคี แก้วพุด อายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 6 บ้านตาลท่า ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 22,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง และเงินสดจำนวน 4,000 บาท
สำหรับการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก ร.ต.อ.อดิสัย ไขประพาย ผบ.ร้อย ทหารพราน 2104 สังกัดกองกำลังสุระศักดิ์มนตรี ได้สืบทราบว่า นางคี แก้วพุด อายุ 77 ปี มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เนื่องจากเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา บุตรสาวได้ถูกจับกุมในข้อหาค้ายาบ้า ถูกตัดสินจำคุกที่เรือนจำกลางนครพนม จึงได้ร่วมกับตำรวจ สภ.ท่าอุเทน ติดตามพฤติกรรมมาตลอด
จนกระทั่งสามารถจับกุม นางคี แก้วพุด อายุ 77 ปี ได้ขณะนำยาบ้าดังกล่าวมาส่งมอบให้กับนายทุน บริเวณริมถนนระหว่างบ้านนาขาท่า กับบ้านปากห้วยม่วง ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งได้อุ้มหลานวัย 3 ขวบมาด้วย เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม ได้พร้อมของกลาง ควบคุมตัวมาสอบสวนขยายผล
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นางคี แก้วพุด อายุ 77 ปี ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนได้รับการติดต่อจากนายทุน ที่รู้จักกันเนื่องจากเคยมาติดต่อให้ลูกสาว ส่งยาบ้าให้ เมื่อประมาณ 2 ปี ที่แล้ว จนลูกสาวถูกจับกุม และถูกศาลตัดสินจำคุกในเรือนจำกลางนครพนม พร้อมทิ้งหลานสาววัยประมาณ 1 ปี ไว้ให้เลี้ยง ขณะนี้อายุได้ 3 ขวบแล้ว
จากนั้นนายทุนได้พยายามติดต่อให้ตนทำหน้าที่ส่งยาบ้าต่อ แต่ตอนแรกตนได้ปฏิเสธ พอพักหลังอยากได้เงิน เพราะครอบครัวยากจน สามีก็ป่วย ลูกก็แยกย้ายกันไปทำงานหมด แต่ต้องหาเงินเลี้ยงหลานอีก
จนกระทั่งล่าสุดนายทุนเสนอค่าจ้างให้ 2 แสนบาท ไปรับยาบ้าที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงท้ายหมู่บ้าน นำมาจาก สปป.ลาว โดยมีหน้าที่นำมาพักรอให้นายทุนมารับต่ออีก ซึ่งได้นำหลานวัย 3 ขวบ ไปด้วย ต้องการตบตาเจ้าหน้าที่ แต่ต้องมาถูกจับกุมเสียก่อนยังไม่ได้ค่าจ้างเลย
ร.อ.อดิศัย ไขประพาย ผบ.ร้อยทหารพราน 2104 เปิดเผยว่าชุดของเราเข้ามาดูแลยาเสพติดตามแนวลำนำโขงเขตอำเภอท่าอุเทนมาประมาณเกือบ 1 ปี ซึ่งมีหน้าที่ทั้งจับกุมและสกัดกั้นมีการลาดตระเวณและดักซุ่มทั้งกลางคืนและกลางคืนซึ่งมีการจับกุมหลายครั้ง แต่การจับกุมแต่ละครั้งนั้นมันเหลือเชื่อมาก
สำหรับวิธีการลักลอบขนส่งยาบ้าและเป็นปัญหาที่น่าห่วงที่ชุดที่หลายหน่วยงานต้องลงมาแก้ไขอย่างจริงจัง ซึ่งมันกลายเป็นปัญหาชุมชนถึงขั้นรุนแรง เพราะผู้ต้องหาจะมีทั้งเด็กนักเรียนอายุแค่ 14-17 ปี มีหน้าที่รับส่งยาบ้ารายย่อยตามหมู่บ้านและนำของไปวางตามจุดตามคำสั่งนายทุนโดยใช้รถเครื่องเป็นพาหนะจุดที่วางยาบ้า คือป้ายหมู่บ้านของกรมทางหลวงหรือป้านยสะพานริมทางนายทุนเพียงสั่งรถขนรับของง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ชาวบ้านคนแก่โดยเฉพาะผู้หญิงก็มีส่วนร่วมทำตรงนี้ด้วย โดยจะใช้วิธีทำเป็นชาวบ้านธรรมดาหาปลาหอยปลูกผักริมโขงเป็นคนเก็บของยาบ้าที่ชาวลาวขนใส่เรือหาปลาข้ามโขงมาแล้วโยนขึ้นฝั่งตามจุดป่าละเมาะแล้วโทรบอกนายทุนฝั่งไทย ว่าโยนของขึ้นตรงไหนแล้วนายทุนจะใช้เด็กคนแก่ตบตามเจ้าหน้าที่ไปเก็บของยาบ้าขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดามากสำหรับชาวบ้านตรงนี้น่าห่วงปัญหายาบ้า ในเขตอำเภอท่าอุเทนความจริงมันถึงขนาดนี้แล้ว