สิบสองปันนาเดินหน้าร่วมมือการค้า-การลงทุน/เปิดด่านต้าลั้ว-บินเชื่อมเชียงรุ้ง-เชียงราย

เชียงราย – เชียงราย-สิบสองปันนา เร่งหารือเปิดช่องทางการค้า-การลงทุน เน้นร่วมมือลงทุนแปรรูปสินค้าเกษตร- ถ่ายทอดเทคโนโลยีปลูกยางพารา-พัฒนาลอจิสติกส์ร่วมกัน จีนส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงเจรจาพม่าเปิดด่านต้าลั้วใช้ถนน R3b ลดภาระต้นทุนสู่อาเซียน ด้านเอกชนไทยเตรียมเปิดบินเส้นทางเชียงรุ้ง-เชียงราย เชื่อมคมนาคมครบทุกด้าน

วันนี้ (24 ส.ค. 2552) นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมหารือความร่วมมือระหว่าง จ.เชียงราย กับเขตปกครองตนเองสิบปันนา มณฑลหยุนหนัน จีนตอนใต้ โดยมีนางเตา หลินอิน ผู้ว่าการเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา และคณะจากจีนตอนใต้ร่วมประชุม

นายสุเมธ เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาในส่วนของเชียงรายที่มีคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอนุภาคลุ่มน้ำโขงแล้วได้เร่งรัดให้สิบสองปันนาตั้งคณะกรรมการเพื่อให้มีการหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น และเสนอให้สายการบินไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ที่จะเปิดเส้นทางนครคุนหมิงกับเมืองเชียงรุ้งหรือจิ่งหง เมืองเอกของสิบสองปันนา ไปยังกรุงเทพฯ ให้แวะพักที่เชียงรายก่อน รวมทั้งพิจารณาค่าแลนดิ้งของสายการบินเอสจีเอ ที่จะเปิดเส้นทางเชียงรุ้ง-เชียงราย ในช่วงปลายปีนี้ ด้วย

นอกจากนี้เสนอให้จีนถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกยางพาราในพื้นที่ราบสูงให้แก่ประเทศไทย และการลงทุนของกลุ่มทุนจากจีนตอนใต้ในด้านการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และการอำนวยความสะดวกให้ผู้สัญจรไปมาระหว่างถนน R3a ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ หรือ R3b ไทย-พม่า-จีนตอนใต้ ให้มากขึ้น

นายสุเมธ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนกรณีกรณีผู้ว่าการเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาได้เห็นชอบร่วมกันเปิดให้คนจีนใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราวหรือบอร์เดอร์พาสเข้าสู่ประเทศไทยได้ ตนได้เสนอไปยังกระทรวงมหาดไทยแล้วและกระทรวงก็เห็นชอบด้วย แต่ขอไปปรึกษากับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกระทรวงการต่างประเทศก่อน

ด้านนางเตา หลินอิน ผู้ว่าการเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา กล่าวว่า การเปิดบริการเส้นทางการบินระหว่างคุนหมิง-เชียงรุ้ง-กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2552 เป็นต้นไป ซึ่ง จ.เชียงราย ประสงค์จะให้แวะท่าอากาศยานเชียงรายด้วยนั้นจะได้แจ้งไปยังรัฐบาลจีนเพื่อให้รับทราบดำเนินการต่อไป ส่วนค่าแลนดิ้งเครื่องบินกรณีสายการบินเอสจีเอของไทยจะทำการบิน ยืนยันว่าจะพิจารณาให้เป็นพิเศษ รวมทั้งภายในปีนี้จะส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมมือศึกษาวิจัยกับ จ.เชียงราย เพื่อพัฒนายางพาราต่อไป

ขณะเดียวกันเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาได้เสนอให้จังหวัดเชียงราย เปิดศูนย์ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวที่เมืองเชียงรุ้ง ส่วนสิบสองปันนาก็จะเปิดที่ จ.เชียงราย เช่นกันเพื่อจะได้มีศูนย์ประสานงานความร่วมมือระหว่างกันได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนการบริการให้คนจีนเข้าประเทศไทยได้ด้วย VISA On Arrival ดังนั้น สิบสองปันนาก็กำลังจะดำเนินการเช่นกันตามด่านต่างๆ เพื่อบริการคนไทย โดยเฉพาะด่านบ่อหาน ขณะที่จ.เชียงราย เสนอให้เปิดด่านต้าลั้วชายแดนจีน-พม่า บนถนน R3bจะนำเรื่องดังกล่าวไปผลักดันโดยเร็ว

"ปัจจุบันจีนได้พัฒนาเส้นทางรถไฟภายในประเทศและพัฒนารถไฟสายเอเชียเพื่อผ่านมาถึงชายแดนจีน-สปป.ลาว ตรงเมืองบ่อหาน เพื่อต่อไปยังกลุ่มอาเซียนต่อไป ดังนั้นในอนาคตเชียงราย-สิบสองปันนา จึงมีโอกาสเชื่อมโยงถึงกันทั้งทางบก ทางเรือ ทางเครื่องบินและทางรถไฟต่อไป" นางเตา กล่าว

ขณะที่นายเฉียน หมิ่น ผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์สิบสองปันนา กล่าวว่า สิบสองปันนามีด่านการค้าจำนวน 4 ด่าน แต่ที่ใช้เปิดทำการค้าเสรีหรือ FTA พืชผักและผลไม้กับไทยตามข้อตกลงคือท่าเรือในแม่น้ำโขงที่เมืองเชียงรุ้ง ส่วนทางบกยังไม่อนุมัติและชะลอการเปิดบริการที่ท่าเรือไปชั่วคราวตามข้อตกลงรัฐบาลจีน-ไทย เพื่อศึกษาการนำเข้าและส่งออกสินค้าประเภทพืชผักและผลไม้ก่อน

สำหรับถนน R3b ที่เป็นปัญหาอยู่นั้นรัฐบาลกลางของจีนรับทราบและกำลังจะเปิดด่านต้าลั้วอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้อยู่แล้ว เพราะ R3b มีระยะทางระหว่างไทย-จีน ใกล้กว่า R3a เสียอีก แต่ปัจจุบันยังมีปัญหาด่านในประเทศพม่ามีมากทำให้เสียต้นทุนผ่านด่านสูงกว่า ทางสิบสองปันนาก็จะได้ส่งรองผู้ว่าการฯไปหารือกับทางการพม่าที่เมืองเชียงตุงเพื่อแก้ไขเรื่องนี้ต่อไป

นายวันชัย ช่วงชัยกิจกร กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการ สายการบินเอสจีเอ เปิดเผยว่า ปัจจุบันสายการบินให้บริการในภาคเหนือของไทยด้วยเครื่องบินขนาด 12 ที่นั่งและจะบินเที่ยวปฐมฤกษ์ไปยังเมืองเชียงรุ้งช่วงปลายปีนี้ โดยอยู่ระหว่างศึกษาเรื่องข้อกฎหมาย กฎระเบียบ ความร่วมมือต่างๆ ในจีน

ทั้งนี้ได้หารือกับสายการบินไชน่าอีสเทิร์น เพื่อร่วมมือกันในเส้นทาง เชียงรุ้ง-เชียงราย เนื่องจากสายการบินของจีนที่บินเส้นทางคุนหมิง-เชียงรุ้ง-กรุงเทพฯ เป็นเครื่องขนาดโบอิ้ง 737 ขนาด 150 ที่นั่ง หากแวะที่เชียงรายก็อาจจะไม่คุ้มทุน ดังนั้นสายการบินเอสจีเอจะเข้าไปเติมเต็มในเส้นทางดังกล่าวแทน ซึ่งในเดือนตุลาคม 2552 จะนำเข้าเครื่องบินขนาด 33 ที่นั่งซึ่งเชื่อว่าจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายต่อไป