ชาวกาฬสินธุ์แห่กินรากไม้สมุนไพรโบราณแก้ไข้หวัดใหญ่

กาฬสินธุ์ - ชาวกาฬสินธุ์แห่พึ่งยากสมุนไพรรากไม้แผนโบราณ เชื่อแก้และป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และรักษาสารพัดโรคได้ ด้าน สสจ.กาฬสินธุ์ ชี้เป็นการรักษาแบบจิตวิยา ระบุช่วยบรรเทาและรักษาโรคได้ แต่ต้องใช้ในถูกขนาด ถูกวิธีและเหมาะสมกับโรค

ภายหลังจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในหลายประเทศ และหลายพื้นที่ในประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อและมีผู้ป่วยเสียชีวิตจำนวนมาก แม้หลายหน่วยงานจะออกมารณรงค์ป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดการแพรระบาดของโรคเพิ่มขึ้น ตลอดจนปัจจุบันมีการผลิตวัคซีนและยาป้องกันขึ้นมา รวมทั้งคิดหาวิธีแนวทางการป้องกันโรคหลายวิธี ตลอดจนการหายาสมุนไพรมาต้านโรคแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีผู้ป่วยติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด ชาวบ้านเหล่ากลาง ม.9 ต.กลางหมื่น อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ต้องหันมาพึ่งวิธีรักษาและป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แบบดั้งเดิม รวมทั้งรักษาโรคต่างๆ หลายชนิด คือการกินยาต้มรากไม้ และยาฝนรากไม้สมุนไพรโบราณ โดยชาวบ้านเชื่อว่าสามารถรักษาและป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเหล่ากลาง ม.9 ต.กลางหมื่น อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ มีชาวบ้านเดินทางทางเข้ามาขอทำการรักษาโดยการกินยาต้มรากไม้และยาฝนรากไม้สมุนไพรกับนายดัน ดลปัดชา ซึ่งเป็นหมอยาสมุนไพรพื้นบ้านโบราณที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษจำนวนมาก

นายดัน ดลปัดชา อายุ 71 ปี หมอยาสมุนไพรโบราณ กล่าวว่า หลังจากมีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เข้ามาในประเทศไทย ทำให้มีชาวบ้านเหล่ากลางและหมู่บ้านใกล้เคียงเดินทางมาขอให้ตนรักษาแบบวิธีโบราณจำนวนมาก โดยการใช้ยาสมุนไพรทั้งแบบต้มยารากไม้ใส่หม้อดินและแบบฝนยารากไม้ผสมน้ำให้กิน

ส่วนมากจะเป็นผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับปัญหาท้อง ตับ ไต โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต กระดูกข้อเสื่อม โดยเฉพาะโรคไข้หวัดมากกว่าโรคอื่น และทุกคนเชื่อว่ายาสมุนไพรโบราณสามารถรักษาโรคดังกล่าวหายได้

นายดันกล่าวต่อว่า วิธีการรักษาอันดับแรกผู้ป่วยจะต้องมีความศรัทธาในการรักษา จากนั้นนำดอกไม้ธูปเทียนหรือที่เรียกว่าขัน 5 มาไว้ครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสียก่อน จากนั้นตนจะถามผู้ป่วยว่าเป็นโรคอะไรและวินิจฉัยว่าควรที่จะรับการรักษารักษาแบบกินยาต้มหมอดินหรือจะรักษาแบบการฝนยาผสมกับน้ำให้กิน และให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน

ทั้งนี้ วิธีการรักษาดังกล่าวเป็นการรักษาแบบโบราณ ซึ่งตนสืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษหลายร้อยปีแล้ว โดยสูตรรักษาของไม้สมุนไพรของตนนั้นบรรพบุรุษได้มาจากใบลาน ซึ่งหมอยาชาวขอมได้จารึกวิธีและขั้นตอนไว้ ส่วนตัวสมุนไพรเองตนจะหามาจากป่าใกล้บ้าน แต่บางชนิดที่หาไม่ได้ก็ต้องไปซื้อตามร้านขายยาสมุนไพร

ด้าน นางบุญมี ดอนหัวบ่อ อายุ 56 ปี ชาวบ้านหนองกลางโคก ต.กลางหมื่น อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นป่วยเป็นไข้หวัดและปวดข้อกระดูก กล่าวว่า ปกติตนจะปวดตามข้อกระดูกเดินไปไหนมาไหนก็ยากลำบาก ซึ่งเป็นอย่างนี้มากหลายปีแล้ว ประกอบกับช่วงนี้หน้าฝนจึงทำให้ตนเป็นไข้หวัด จึงเดินทางมาขอรักษากับหมอดัน ซึ่งครั้งแรกก็ได้นำดอกไม้ธูปเทียนมาบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

จากนั้นหมอดันก็ให้กินยาสมุนไพรแบบต้ม และให้นำกลับไปกินที่บ้าน ทั้งนี้ภายหลังจากกินยาต้มรากไม้สมุนไพรผ่านไป 3-4 วันอาการไข้หวัดก็หายไป ส่วนอาการปวดตามข้อกระดูกก็บรรเทาขึ้น อย่างไรก็ตาม การรักษาดังกล่าวตนเคยรักษามาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว เพราะเมื่อก่อนเวลาป่วยไม่มีโรงพยาบาลพ่อกับแม่ก็พาไปรักษาโดยการกินยารากไม้สมุนไพรต้มและยารากไม้ฝน ซึ่งอาการป่วยก็หานทุกครั้ง

ขณะที่ นายนู การเลิศ อายุ 78 ปี ชาวบ้านเหล่ากลาง ซึ่งป่วยเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด จนทำให้เป็นอัมพาต กล่าวว่า เมื่อก่อนตนป่วยเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด และล้มลงกับพื้นทำให้เป็นอัมพาต ไม่สามารถเดินได้ ซึ่งลูกสาวพาเข้ารักษาที่โรงพยาบาลใน จ.เชียงใหม่ และพามารักษาต่อที่โรงพยาบาลใน จ.กาฬสินธุ์ แต่ก็ไปสามารถรักษาหาได้ ไม่ยอมกินข้าว อาการยิ่งทรุดหนักลงเรื่อยๆ ซึ่งหมอบอกว่าไม่มีทางรักษาแล้ว และบอกให้ญาติทำใจ

กระทั่งตนออกจากโรงพยาบาลมารักษากับหมอดัน ซึ่งกินยารากไม้สมุนไพรทั้งต้มและฝนผสมน้ำกินมาประมาณเกือบ 1 ปี ทำให้ขณะนี้ตนสามารถเดินไปไหนมาไหนได้แล้ว ส่วนอาการเบื่ออาหารก็ดีขึ้น ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาครั้งนี้ ตนคงไม่มีชีวิตอยู่ถึงปัจจุบันได้

ด้าน นายแพทย์สมยศ ศรีจารนัย นายแพทย์เวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การรักษาโรคโดยการใช้ยาสมุนไพรรากไม้ต้มดื่มหรือฝนผสมน้ำดื่มกินนั้นเกิดขึ้นมานานแล้วและเป็นความเชื่อของผู้ที่รักษา ซึ่งส่วนใหญ่เท่าที่ทราบก็สามารถช่วยบรรเทาและรักษาโรคได้หลายชนิดเหมือนกัน แต่ในทางวิทยาศาสตร์จะต้องนำตัวยาสมุนไพรที่ใช้รักษามาพิสูจน์เสียก่อนว่ารักษาได้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ การรักษาดังกล่าวถือเป็นการรักษาแบบจิตวิยา หรือการรักษาแบบองค์รวม คือ การรักษา กาย จิต สังคม และจิตวิญญาณ

การรักษาแบบสมุนไพรโบราณนี้นอกจากสมุนไพรจะมีประโยชน์แล้ว ผู้รักษาต้องมีจิตศรัทธาด้วย ซึ่งเป็นความเชื่อแต่ละคน แตกต่างจากการรักษาแบบแผนปัจจุบัน เพราะการรักษาปัจจุบันรักษาเพียงกายเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หมอยาสมุนไพรที่รักษาผู้ป่วยจะต้องคำนึงถึงการปฏิบัติ 5 อย่าง คือ การใช้ยาให้ถูกต้อง การใช้ยาให้ถูกส่วน การใช้ยาให้ถูกขนาด การใช้ยาให้ถูกวิธี และการใช้ยาให้ถูกกับโรค เพราะต้นไม้สมุนไพรบางชนิดมีใบเป็นยามีรากเป็นพิษ บางชนิดมีรากเป็นยามีใบเป็นพิษ ที่สำคัญสมุนไพรแต่ละชนิดใช้จำนวนและรักษาโรคได้ไม่เหมือน