ฉะเชิงเทรา- ผืนป่า 5 จังหวัดแหลกลาญย่อยยับ หลังพบซากตอ ปลีกไม้สด มะค่าโมงอายุนับร้อยปี 4-6 คนโอบ ถูกล้มแปรรูปเกลื่อนป่าด้วยเลื่อยยนต์ ขณะกลุ่มชาวแฉล้วนเป็นผลงานฝีมือของคนมีสี ผู้ถือกฎหมายมีสิทธิ์เหยียบย่ำผืนป่าได้เท่านั้นที่กล้าลงมือทำ เผยลำพังชาวบ้านเพียงเดินเฉียดกายเข้าใกล้เกี่ยวหญ้าให้วัวควาย ตามแนวตะเข็บชายป่า ล้วนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีกันอย่างถ้วนหน้าจนเข็ดหลาบแล้วทั้งนั้น
วันนี้ (23 ส.ค.) กลุ่มชาวบ้านนายาว พื้นที่ ม.15 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา จำนวนกว่า 100 คน ได้ช่วยการนำพาคณะผู้สื่อข่าว ที่ให้ความสำคัญต่อผืนป่า 5 จังหวัดภาคตะวันออก ซึ่งเป็นป่าราบต่ำ สมบัติผืนสุดท้ายของประเทศ เข้าดูร่องรอยของกลุ่มขบวนการมอดไม้ที่ตัดโค่นทำลายป่ากันอย่างมโหฬาร และทิ้งให้เห็นร่องรอยของรากโคนต้นไม้สดขนาดใหญ่อายุนับร้อยปีไว้ให้ดูต่างหน้า บริเวณป่าเขาเสียด
โดยเฉพาะต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 4-6 คนโอบขึ้นไป ถูกล้มเป็นจำนวนมากจนนับตอไม่ถ้วน และมีซากตอให้เห็นเกลื่อนทั่วผืนป่า พร้อมด้วยมีการแปรรูปกันอย่างเสร็จสรรพยังบริเวณโคนต้น จนเหลือทิ้งรากโคน ปีกไม้ ไว้ให้ดูต่างหน้า เป็นจำนวนมาก หลากหลายขนาดตั้งแต่หน้ากว้าง 1-2 เมตรขึ้นไป ซึ่งต้นไม้ที่ถูกโค่นล้มส่วนใหญ่ล้วนเป็นต้นไม้มีค่าทั้งสิ้น โดยเฉพาะไม้มะค่าโมงที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในผืนป่าแห่งนี้
นายสำเนียง ตาลสัน อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1280 ม.15 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ชาวบ้านซึ่งมีที่ดินทำกินอยู่ใกล้กับแนวชายป่าบริเวณดังกล่าว เปิดเผยว่า ต้นไม้ที่ถูกโค่นล้มทั่วทั้งผืนป่าบริเวณนี้ ล้วนเป็นฝีมือของคนมีสีทั้งสิ้นที่กล้าทำ เนื่องจากการโค่นล้มไม้ใหญ่ พร้อมทั้งแปรรูปจนเสร็จสรรพ ภายในป่าแห่งนี้ด้วยเครื่องเลื่อยยนต์ ไม่มีใครกล้าทำอย่างเด็ดขาด เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจตราดูอยู่ตลอดเวลา
ที่ผ่านมาแค่เพียงชาวบ้านเดินเข้ามาใกล้ชายป่า เกี่ยวหญ้าให้วัวควาย หาของป่ากิน เล็กๆ น้อยๆ จับกบเขียดเพื่อเป็นอาหาร ก็ยังถูกจับกุมดำเนินคดี ซึ่งล่าสุดเมื่อคืนวานนี้ยังมีชาวบ้านถูกเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า จับกุมตั้งข้อกล่าวหาหนัก และไม่ให้ประกันตัว หลังจากจับกบได้ที่บริเวณแนวชายป่า 1 ตัว และเต่า 1 ตัว ขณะกำลังกลับจากการทำไร่ ซึ่งขณะนี้ยังถูกควบคุมตัวดำเนินคดีอยู่ที่ สภ.ท่าตะเกียบ อีกด้วย
สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการตัดโค่นแปรรูปไม้มะค่าโมง จะมีกลุ่มชายฉกรรจ์ แต่งกาย และพฤติกรรมคล้ายกับเจ้าหน้าที่ โดยขณะกระทำการจะมีบุคคลแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบสีดำ (สีเดียวกับเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า) ถืออาวุธปืนสงครามเฝ้าบริเวณใกล้เคียงต้นไม้ที่หมายตาไว้ ริมเส้นทางคนเดินสัญจร จำนวน 2 คน เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเข้าใกล้
จากนั้นจะมีกลุ่มคนอีกหลายคนใช้เลื่อยยนต์ตัดโค่นต้นไม้ตามที่ต้องการ พร้อมด้วยการแปรรูปไม้ และช่วยกันถางป่าไม้เล็กที่ขวางทางลำเลียง เปิดทางออกจนเป็นช่องโล่ง ก่อนที่จะทำการเคลื่อนย้ายไม้แผ่นแปรรูปออกจากป่าไปในเวลากลางคืน ด้วยรถอีแต็ก (ที่เคยมีการจับกุมยึดจากชาวบ้านไว้เป็นจำนวนมาก) ขนลำเลียงออกจากป่า
ก่อนจะทำการขนย้ายไม้ออกจากป่านั้นจะมีการสร้างสถานการณ์ก่อน ด้วยการยิงอาวุธปืนสงคราม คล้ายกับว่ามีการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จนเกิดการปะทะกันกับขบวนการมอดไม้ และมีการจับยึดไม้ไว้ได้ และทำการลำเลียงไม้แปรรูปออกจากป่าไป โดยที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์ถืออาวุธปืนสงครามประกบอยู่ประจำรถ เคลื่อนย้ายขนไม้ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวไม่เคยมีผลทางคดี ไม่เคยมีข่าวถึงผลการจับกุมยึดไม่แปรรูปได้ หลังจากชาวบ้านได้ติดตามไปตรวจสอบยังสถานีตำรวจท้องที่แต่ละแห่ง