นายทุนผลิตไฟฟ้าแจ้งจับชาวบ้านบางคล้าข้อหา“พยายามฆ่า”

ฉะเชิงเทรา- กลุ่มชาวบ้านที่ต่อต้านโรงไฟฟ้าบางคล้า แห่เข้ามอบตัว หลังถูกนายทุนผู้ผลิตไฟฟ้า เข้าแจ้งความเอาผิดทางอาญาในข้อหา “พยายามฆ่า” พร้อมเตรียมรวมตัวสอบถามบันทึกข้อตกลง 6 ข้อ ที่สัญญาไว้ หากไม่ปฏิบัติตามเตรียมปิดถนนสาย 304 อีกครั้ง

วันนี้ (19 ส.ค.) ที่ สภ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ได้มีกลุ่มแกนนำผู้ชุมนุมต่อต้านโรงไฟฟ้าบางคล้า พร้อมทีมทนายความ และประชาชนที่เดินทางมาให้กำลังใจกว่า 40 คน ได้เข้าพบ พ.ต.ท.สุเทพ ศรีเกษม พนักงานสอบสวน สบ 2 สภ.บางคล้า เพื่อเข้ามอบตัวพร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังจากทราบข่าวว่า นายมารุต อ่อนมั่ง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158/8 ม.7 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายเชื้อเพลิง บริษัท สยามเอนเนอร์จี จำกัด ผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนเสม็ดเหนือ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เอาผิดทางคดีอาญา ในข้อหา “พยายามฆ่า” กับกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบางคล้า จำนวน 12 คน

ในกรณีที่เข้าปิดล้อมรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมี นายมารุต นั่งอยู่ภายใน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจพลขับอีกหนึ่งนาย ไม่ให้ออกไปจากพื้นที่ตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 8 มิ.ย.2552 ที่ผ่านมา

นายวรรณา รอดพิทักษ์ อายุ 55 ปี ส.อบจ.เขตบางคล้า ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำ กล่าวว่า หลังชาวบ้านทราบข่าวว่า ทางฝ่ายนายทุนได้เข้ามาแจ้งความเอาผิดทางคดีอาญา กับกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบางคล้า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2552 ที่ผ่านมา ในวันนี้ จึงได้พากลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดรวม 10 คน คือ นางนวลพันธ์ แฉ่งเจริญ อายุ 35 ปี อยู่เลขที่ 80/2 ม.2 ต.เสม็ดใต้ นายนคร สิตรานนท์ อายุ 52 ปี อยู่เลขที่ 87/3 ม.5 ต.เสม็ดใต้ นายสมทบ คำสอาด อายุ 46 ปี อยู่เลขที่ 60 ม.6 ต.เสม็ดใต้

นายสนัด ใยอ่อน อายุ 44 ปี อยู่เลขที่ 49 ม.6 ต.เสม็ดใต้ นายมณฑล ริ้วทอง อายุ 27 ปี อยู่เลขที่ 16 ม.4 ต.บางสวน นายขจร ธรรมรัตขิต อายุ 40 ปี อยู่เลขที่ 26/1 ม.5 ต.เสม็ดใต้ นายสัญชัย แฉ่งศิริ อายุ 26 ปี อยู่เลขที่ 10/2 ม.6 ต.เสม็ดใต้ นายมนตรี แซ่เตียว อายุ 40 ปี อยู่เลขที่ 57/2 ม.4 ต.เสม็ดใต้ นายจำรัง สวัสดี อายุ 43 ปี อยู่เลขที่ 48 ม.5 ต.เสม็ดใต้ และนายอนันต์ บุญเขียน อายุ 25 ปี อยู่เลขที่ 79/3 ม.2 ต.เสม็ดใต้ โดยทั้งหมดอยู่ในภาพถ่ายของทางฝ่ายผู้กล่าวหาที่นำมาเป็นพยานหลักฐาน จึงได้พาเข้ามามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนอีก 2 คนที่เหลือในภาพนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นใคร

นายวรรณา กล่าวต่อไปว่า และในวันอังคารที่ 25 ส.ค.2552 เวลา 10.00 น.จะนัดชาวบ้านเดินทางไปชุมนุมยังบริเวณศาลากลางจังหวัด เพื่อทวงถามสัญญา ตามบันทึกข้อตกลง ที่ทางจังหวัด โดย นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย นายกิตติ ลิ้มชัยกิจ รองปลัดรักษาราชการแทน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี, นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา รองปลัดรักษาราชการแทน ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้เข้ามาทำข้อตกลงกับชาวบ้านไว้ก่อนสลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2552 ที่ผ่านมา รวม 6 ข้อ

โดยเฉพาะในข้อ 3 ที่ระบุว่า ทางจังหวัดจะประสานผู้เสียหาย เพื่อไกล่เกลี่ยมิให้ดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.2552 เป็นต้นมา จนถึงวันสลายการชุมนุม ซึ่งหากยังได้คำตอบจากทางจังหวัดไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางจังหวัดก็จะหมดความน่าเชื่อถือต่อชาวบ้าน และกลุ่มชาวบ้านจะออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมปิดถนนสาย 304 ต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.ณรัฐ รัตนจินดา ผกก. สภ.บางคล้า กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น พบว่าผู้กระทำผิดเข้าข่ายที่สามารถดำเนินคดีได้เพียง 2 ข้อหา คือ “ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง ทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” ตามมาตรา 310 ประมวลกฎหมายอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

และ “ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป” ตามมาตรา 309 วรรค 2 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หลังผู้ต้องหาทั้ง 10 คน ได้เดินทางเข้ามามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน และรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ได้ปล่อยตัวกลับไป ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คนที่ยังไม่เดินทางมามอบตัว ได้เตรียมที่จะออกหมายเรียกมาพบพนักงานสอบสวน

ด้าน นายสนัด ใยอ่อน หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนไม่ได้ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มต่อต้านโรงไฟฟ้าแต่อย่างใด เพียงแต่ตนได้ขับรถผ่านไปยังเส้นทางบริเวณนั้น และเมื่อเห็นเหตุการณ์ชุมนุม จึงได้เข้าไปดู จนมาถูกแจ้งข้อกล่าวหา ดำเนินคดีในครั้งนี้ เนื่องจากมีรูปภาพถ่ายติดอยู่ในกลุ่มของผู้ชุมนุม ซึ่งตนขอยืนยันว่า ไม่ได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด นายสนัด กล่าว