รวบ “เล็ก สนามหลวง” นำเสื้อแดงทุบรถ ส.ส.วันโหวตเลือกนายกฯ

ตำรวจชนะสงคราม โชว์ผลงาน จับกุม “เล็ก สนามหลวง” ผู้ต้องหาที่นำม็อบคนเสื้อแดงบุกก่อความวุ่นวายหน้ารัฐสภา ทุบรถ ส.ส.ปชป.-พรรคร่วม วันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

วันนี้ (4 มิ.ย.) เมื่อเวลา 18.30 น.ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม, พ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส.สน.ชนะสงคราม ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายประหยัด นาคโต อายุ 31 ปี หรือ “เล็ก สนามหลวง” อยู่บ้านเลขที่ 182 หมู่ 2 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลอาญา เลขที่ 97/2552 ลงวันที่ 14 ม.ค.52 ในคดีที่ร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงปิดล้อมอาคารรัฐสภา และก่อเหตุทุบรถส.ส.ภายหลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยจับกุมได้ เมื่อเวลา 17.00 น.ที่ผ่านมา ที่บริเวณท้องสนามหลวง

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2551 เวลา 07.00-13.00 น.บริเวณหน้ารัฐสภา แขวง-เขตดุสิต กทม.ขณะที่มีการเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ระหว่าง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปรากฏว่า นายประหยัด นาคโต หรือ ฉายา “เล็ก สนามหลวง” ได้นำกลุ่มเสื้อแดง 500 คน ไปรอฟังผลการโหวต เมื่อทราบว่านายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่พอใจปราศรัยโจมตีนายอภิสิทธิ์, ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่ม ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ที่โหวตให้พรรคประชาธิปัตย์เมื่อกลุ่ม ส.ส.ออกมาจากรัฐสภากลุ่มดังกล่าวได้ใช้ก้อนหิน และอาวุธทุบตีรถจนได้รับความเสียหายหลายคัน ก่อนแยกย้ายหลบหนี ต่อมาพลเมืองดีแจ้ง ตำรวจ สน.ชนะสงคราม จึงได้ดำเนินการจับกุม

จากการสอบสวน นายประหยัด ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่า จะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ โดยผู้กระทำผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ, ไม่ยอมเลิกกระทำการเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิก, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปและโดยมีอาวุธ