ฉะเชิงเทรา - ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ย่องดูตอไม้กระบก ขนาดใหญ่ 4 คนโอบ กลางป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออกแล้ว พร้อมประกาศจะดำเนินการคดีต่อผู้กระทำผิด ด้าน ส.ส.ในพื้นที่สอดรับ ควรเร่งจัดการอย่างเฉียบขาดกับผู้บุกรุกและทำลายป่า
นายสาธิต ยืนสุข อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 434 ม.19 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา แกนนำชาวบ้าน กลุ่มผู้เดือดร้อนที่ดินทำกิน 5 หมู่บ้าน ต.ท่ากระดาน กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้ามืดวานนี้ นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมผู้ติดตาม เพียงไม่กี่คนได้แอบเดินทางเข้ามายังพื้นที่บริเวณแนวป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ก่อนที่จะเข้าไปดูยังซากตอต้นกระบก และขอนไม้ใหญ่ 4 คนโอบอายุกว่า 100 ปี ที่ถูกตัดโค่นด้วยเลื่อยยนต์กลางป่าบริเวณพื้นที่ป่าหนองรถจอด ซึ่งเป็นแปลงในโครงการปลูกป่าของหน่วยพิทักษ์ป่าบ้านนาอีสาน ที่ ฉช.8
เมื่อชาวบ้านทราบข่าวจึงได้พากันตามเข้าไปดู ยังจุดที่ผู้ว่าฯ เข้าไปตรวจ พร้อมกับถูกถามว่า “พวกคุณรู้ได้อย่างไร” ซึ่งพวกตนได้บอกกลับไปว่า กลุ่มชาวบ้านได้ช่วยกันจับตาดูความเคลื่อนไหวภายในป่าอยู่ตลอดเวลา และในคืนก่อนหน้าที่ผู้ว่าฯ จะเดินทางลงไปดูในพื้นที่ ยังมีขบวนการชุดดำ (ลายต้นไม้) ถืออาวุธปืนสงคราม ใช้ยานพาหนะลำเลียงขนท่อนไม้ออกจากป่าอีกหลายคันรถ ซึ่งพฤติกรรมคล้ายกับการจับกุมยึดท่อนไม้ของเจ้าหน้าที่ แต่ชาวบ้านไม่กล้าทำอะไร
หลัง นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงดูปัญหาในพื้นที่จริงแล้วได้เดินทางกลับเข้ามาพบกับชาวบ้านในหมู่บ้านที่บริเวณศาลาเฉลิมพระเกียรติ โรงเรียน ตชด.บ้านนายาว เพื่อพบปะเจรจากับกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งมารอรับฟังการแก้ไขปัญหาจากทางจังหวัดกว่า 300 คน โดยทางผู้ว่าฯ ได้รับปากกับชาวบ้านว่าจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางกฎหมายกับนายปรีชา จุลฬา หัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ฉช.8 บ้านนาอีสาน ที่รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว
นอกจากนั้น ตนได้สั่งห้ามไม่ให้นายปรีชาเข้ามาในพื้นที่แล้ว พร้อมชี้แจงต่อไปว่าทางจังหวัดไม่มีอำนาจทางกฎหมายที่จะสั่งย้ายนายปรีชาออกจากพื้นที่ได้ เนื่องจากหน่วยงานดังกล่าวสังกัดในส่วนกลาง จึงทำได้เพียงการสั่งระงับไม่ให้เข้าพื้นที่ป่าเท่านั้น
ด้าน นายสาธิตกล่าวว่า ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องปัญหาที่ดินทำกินของชาวบ้าน ที่ถูกนายปรีชายึด คืนไปทำโครงการปลูกป่านั้น ขณะนี้ทางผู้ว่าฯ ได้รับปากว่าจะเร่งตั้งคณะกรรมการสำรวจดำเนินการให้โดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่ได้ระบุระยะเวลาของการดำเนินการ ส่วนเรื่องปัญหาที่ดินทำกินของผู้ที่ยังไม่มีที่ทำกิน และผู้ที่เคยถูกทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ยึดคืนไปก่อนหน้านั้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดฯ จะทำรายงานเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี พิจารณาต่อๆไป เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
สำหรับการเคลื่อนไหวของชาวบ้านต่อไปนั้น ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านได้เตรียมที่จะเข้าร้องกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้เข้ามาสอบสวนดำเนินคดีกับนายปรีชา อีกแนวทางหนึ่งด้วย โดยชาวบ้านกว่า 300 คน พร้อมจะร่วมกันลงชื่อเป็นพยานให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดต่อไป
ส.ส.ในพื้นที่โผล่หน้าสอดรับจี้เร่งจัดการ
ด้านนายพิเชษฐ์ ตันเจริญ ส.ส.เขต 1 ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งเป็น ส.ส.ในพื้นที่ หลังทราบปัญหาของชาวบ้านผ่านทางสื่อ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐควรปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดกับขบวนการที่กำลังบุกรุกทำลายป่า หรือกลุ่มนายทุนที่เข้าไปลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เพื่อยึดครองพื้นที่รายใหม่ ส่วนปัญหาที่ดินทำกินของชาวบ้านนั้น หากชาวบ้านครอบครองทำกินมานานหลายสิบปี จากป่าเสื่อมโทรมนั้น ภาครัฐควรเข้าไปดูแลจัดการปัญหาให้ชาวบ้านสามารถทำกินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
หากทางเจ้าหน้าที่ยังอ้างว่าชาวบ้านเข้าไปทำกินในบริเวณเขตป่าสงวนแห่งชาตินั้น พื้นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอสนามชัยเขต และอำเภอท่าตะเกียบ ก็ยังเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติอยู่เช่นเดียวกัน เนื่องจากยังไม่มีการประกาศยกเลิก ซึ่งหากจะจับกุมชาวบ้านที่เข้าไปทำกิน เจ้าหน้าที่ควรจะทำตั้งแต่แรกที่มีการบุกรุก
ขณะนี้จึงควรที่จะแบ่งเขตป่าให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการบุกรุกซึ่งกันและกันอีก โดยเฉพาะผู้บุกรุกรายใหม่ ซึ่งเป็นนายทุนที่มีขีดความสามารถในการถางทำลายสูง จะได้เห็นได้อย่างชัดเจนหากมีการถางทำลาย และต้องเร่งใช้กฎหมายเข้าดำเนินการจับคุมดำเนินคดีในทันที