“ไทกร” แฉ ขบวนการทุจริตเรียกรับค่าใบอนุญาตใช้ที่สัมปทานในเขตป่าไม้ ระบุชื่อ นาย “ก.” อ้าง ญาติ รมว.เป็นนายหน้าวิ่งเต้นจัดทำเอกสารปลอม หลังผู้ประกอบการกว่า 70 รายยื่นขอผ่านเพียง 2 รายเท่านั้น โดยต้องจ่าย 2 ล้านบาทจึงจะผ่าน
วันที่ 15 ส.ค.2552 ที่สวนรัชดานุสรณ์ เขตเทศบาลนครขอนแก่น นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ นำเอกสารมาแถลงต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับกรณีการทุจริตการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินและการขออนุญาตใช้ที่ดินสาธารณะในเขตป่าไม้ หลังมีผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูลการทุจริตดังกล่าวมากกว่า 70 ราย
นายไทกร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีสิ่งผิดปกติในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลังมี นาย ก. ที่อ้างตัวเป็นญาติกับ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาทำหน้าที่เป็นธุระจัดหาและวิ่งเต้นเรื่องใบอนุญาตการใช้และครอบครองในที่ดินสัมปทานในเขตป่าไม้ ซึ่งในขณะนี้หลายพื้นที่เริ่มเข้าสู่กระบวนการการต่อใบอนุญาตประจำปี โดยมีผู้ประกอบการกว่า 70 รายที่ถือกรรมสิทธิ์ครอบครองที่ดินเดิมอยู่
ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับสัมปทานโรงโม่ ,ธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ทในกลุ่มจังหวัดท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย โดยเมื่อผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ได้มีการยื่นเรื่องไปแล้วโดยทั้งหมดได้นำเอกสารหลักฐานตามที่ระเบียบของ กระทรวงทรัพยฯ กำหนดไว้อย่างถูกต้อง แต่ที่ประชุมไม่ผ่านการพิจารณา และมีคำสั่งจากรัฐมนตรีในการขอพิจารณาครั้งละ 5 ราย อีกทั้งมีการขอเปลี่ยนแผนที่ในการประกอบเอกสารจากเดิมที่ใช้แผนที่ทหาร ในอัตราส่วน 1:50,000 มาเป็น 1:4,000 ซึ่งเป็นแผนที่ที่ไม่มีหน่วยงานใดรับรอง และเมื่อผู้ประกอบการได้ทำเรื่องเพื่อประกอบการพิจารณาจากทางจังหวัดกลับได้รับคำตอบว่าแผนที่ ในอัตราส่วน 1:4,000 นั้นไม่มีหน่วยงานใดจัดทำหรือรับรองไว้ใช้ในงานราชการ
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มีพฤติกรรมแอบแฝงในกลุ่มของขบวนการการทุจริตในกระทรวงการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ นาย ก. ที่อ้างว่าเป็นญาติ ของนายสุวิทย์ ออกมาเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งกลุ่มผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ได้ให้ข้อมูลมานั้น ต่างมีการสอบถามไปยังกลุ่มนักธุรกิจที่มีการยื่นขอผ่าน โดยบอกว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการออกใบอนุญาตรายละ 2 ล้านจึงจะผ่าน โดยให้ นาย ก.ป็นคนดำเนินการจัดหาแผนที่และเอกสารอื่นๆ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการการพิจารณา และจากการตรวจสอบไปยังผู้ประกอบส่วนใหญ่พบว่า ในขณะนี้จะต้องมีผู้ยื่นต่อใบอนุญาตรวมประมาณ 70 ราย ซึ่งถ้าหากมีการเรียกรับเงินใบละ 2 ล้าน เงินที่ นาย ก. จะรับจะมีมากถึง 140 ล้านบาท ในขณะนี้ทราบมาว่ามีผู้ยื่นใบประกอบการผ่านไปแล้ว 2 ราย ใน จ.สุโขทัย และ จ.ตราด โดย ทั้ง 2 บริษัท นั้นได้จ่ายเงินไปแล้วเช่นกัน
นายไทกร กล่าวต่อว่า กรณีที่เกิดขึ้นจะมีการส่งเรื่องไปยัง นายกรัฐมนตรี เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวของพรรคร่วมรัฐบาลที่ผู้นำรัฐบาลจะต้องรับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส โดยเอกสารทั้งหมดได้มีการจัดเตรียมรวบรวมทั้งการยืนยันจากทางจังหวัดในแผนที่ที่ รมว.ทรัพยฯ กำหนดนั้นไม่สามารถใช้งานทางราชการได้ และเอกสารการยื่นเรื่องของผู้ประกอบการ ที่ผ่านการประเมินและไม่ผ่านการประเมิน โดยทั้งหมดนั้นมีเอกสารเหมือนกัน แต่ไม่มีสาเหตุของการระงับการออกใบอนุญาต เพียงเพราะการเรียกรับเงินค่าใบอนุญาตที่กลุ่มผู้ประกอบการส่วนใหญ่นั้นไม่ยอมจ่าย
