ศูนย์ข่าวศรีราชา - “ชัย ชิดชอบ” ปิดฉากการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) ครั้งที่ 30 ที่พัทยาอย่างงดงาม พร้อมลงนามร่วมก่อนส่งมอบตำแหน่งประธานสมัชชารัฐสภาอาเซียนคนต่อไปแก่ นางตอง ทิ พอง รองประธานรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และแสดงความยินดีในโอกาสที่ ASEAN ครบรอบ 42 ปี ชึ้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะด้านศึกษากฎหมายใกล้ชิดเพื่อปฏิบัติงานร่วมโดยวางเป้าปี 2558 ประเทศสมาชิกเป็นเขตปลอดยาเสพติด
วันนี้ (6 ส.ค.) นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานสมัชชารัฐสภาอาเซียน กล่าวปิดการประชุมใหญ่ครั้งที่ 30 (The 30th General Assembly of the ASEAN Inter-Parliamentary Assembly : AIPA) ที่จัดขึ้นที่โรงแรมรอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา จังหวัดชลบุรี ที่มีผู้เข้าร่วมจากกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 8 ชาติ ประกอบด้วย อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, กัมพูชา, ลาว, เวียดนาม และไทย พร้อมประเทศผู้สังเกตการณ์พิเศษ 2 ประเทศคือ พม่า และบรูไน และตัวแทนผู้สังเกตการณ์อีก 9 ประเทศกับอีก 1 องค์กร อันได้แก่ แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, รัสเซีย, สหรัฐอเมริกา, ปาปัวนิวกินี, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี และรัฐสภายุโรป
ทั้งนี้ พบว่าการประชุมในประเด็นต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิทธิมนุษยชน กิจการองค์กร วัฒนธรรมและสิทธิสตรี ซึ่งเสร็จสิ้นลงอย่างน่าประทับใจ ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาการทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับในการร่วมกันสร้าง “กฎบัตรอาเซียน” เพื่อประชาชนอาเซียน” โดยมีการลงนามร่วมกันระหว่างไทยและประเทศที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ก่อนมีการส่งมอบตำแหน่งประธานสมัชชารัฐสภาอาเซียนคนต่อไปให้แก่ นางตอง ทิ พอง รองประธานรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่ AIPA ครั้งที่ 31 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 19-5-25 กันยายนในปี 2553
นายชัยกล่าวด้วยว่า การประชุมเสร็จสิ้นอย่างสวยงามเพราะการประชุมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย และมีความภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประชาคมอาเซียนให้เกิดขึ้นในอนาคตเพื่อความเข้มแข็งทางด้านต่างๆ และให้ความสำคัญกับแนวคิดเรื่องการสร้างความสอดคล้องทางกฎหมาย ที่จะทำให้ประเทศต่างของอาเซียนเข้าสู่การเป็นประชาคมที่มีระบบและหลักการต่อไป
นอกจากนี้ยังร่วมแสดงความยินดีและสุขสันต์วันเกิดให้แก่อาเซียนที่กำลังจะเข้าใกล้วันก่อตั้งสมาคมในวันที่ 8 สิงหาคม 2552 ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะครบรอบเป็นปีที่ 42 ซึ่งทาง AIPA ขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะร่วมทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับอาเซียนต่อไป
ทั้งนี้ การสร้างความสอดคล้องทางกฎหมายร่วมกันนั้น เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน และด้วยอาเซียนวางเป้าหมายในการเป็นเขตปลอดยาเสพติดในปี 2558 AIPA จึงควรตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาข้อเท็จจริงเฉพาะด้าน เพื่อแสวงหาความสอดคล้องทางกฎหมายโดยทำงานใกล้กันกับอาเซียน