xs
xsm
sm
md
lg

นายกเล็กศรีสะเกษดิ้นสู้ถึง “ฎีกา”- หลังศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 1 ปี คดีรุกที่ดินสร้างโรงขยะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายฉัฐมงคล  อังคสกุลเกียรติ  นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ
ศรีสะเกษ - “ฉัฐมงคล” นายกเทศมนตรีศรีสะเกษ เผย ยื่นศาลฎีกาต่อสู้คดีถูกฟ้องรุกที่ดินสร้างโรงกำจัดขยะถึงที่สุด หลังศาลอุทธรณ์มีพิพากษาจำคุก 1 ปี เหตุบุกรุกที่ดินเพื่อสร้างโรงกำจัดขยะ 50 ล้าน ทำให้ทรัพย์สินเอกชนได้รับความเสียหายเกิดเหตุ 9 ปีที่แล้ว ยันทำตามหน้าที่ราชการเพื่อความเจริญของบ้านเมืองไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัว

วันนี้ (4 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ ได้เปิดชี้แจงกับสื่อมวลชนกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 อ่านคำพิพากษา คดี นายทรง เกียรติสุรนนท์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเทศบาลเมืองศรีสะเกษ จำเลยที่ 1 และ นายมงคล หรือ ฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ จำเลยที่ 2 โดยศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 มีความผิดตามฟ้อง พร้อมพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ต้องลงโทษปรับเป็นเงิน 6,000 บาท และ ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี

คดีดังกล่าวโจทก์ได้ยื่นฟ้อง ระบุว่า เทศบาลเมืองศรีสะเกษ จำเลยที่ 1 และ นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ จำเลยที่ 2 ได้บุกรุกที่ดินใช้รถแทรกเตอร์ทำลายต้นยูคาลิปตัส จำนวน 12,000 ต้น คิดเป็นค่าเสียหายประมาณ 6 แสนบาท เพื่อครอบครองที่ดินของโจทก์ เหตุเกิดที่ ต.หนองครก อ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ และต่อมาเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองศรีสะเกษได้มาติดต่อขอซื้อเพื่อก่อสร้างโรงกำจัดขยะ แต่โจทก์ปฏิเสธเพราะเห็นว่าราคาต่ำเกินไป ทางเทศบาลจึงบุกรุกเข้ามาทำลายต้นยูคาลิปตัสที่โจทก์ปลูกไว้

นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากบริษัทผู้รับเหมาได้เข้าไปตัดต้นไม้ ซึ่งอยู่ในที่สาธารณะบริเวณที่จะทำการก่อสร้างโรงกำจัดขยะ โดยใช้งบประมาณก่อสร้างกว่า 50 ล้านบาท ประกอบด้วย โรงกำจัดขยะ เครื่องจักร และถนนหนทาง รวมทั้งอาคารประกอบต่างๆ แต่บริเวณที่สาธารณะดังกล่าวนายทรง เกียรติสุรนนท์ ซึ่งเป็นโจทก์ อ้างว่าได้ปลูกต้นยูคาลิปตัสเอาไว้ และได้มีการฟ้องร้องกันขึ้นเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา จนตนแทบจะลืมไปแล้ว

ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้อ่านคำพิพากษาเมื่อปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยพิพากษาให้จำเลยที่ 1 คือ สำนักงานเทศบาลเมืองศรีสะเกษ และ จำเลยที่ 2 คือ ตนในฐานะนายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ มีความผิดตามฟ้อง พร้อมให้จำเลยที่ 1 ต้องลงโทษปรับเป็นเงิน 6,000 บาท และลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี

นายฉัฐมงคล กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ตนขอยืนยันว่าทุกอย่างที่ทำไป ตนทำในหน้าที่ราชการเพื่อความเจริญของบ้านเมือง ไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวแต่อย่างใด ซึ่งคดีนี้เนื่องจากเป็นการปฏิบัติงานในหน้าที่ราชการ จึงได้ขอให้อัยการจังหวัดศรีสะเกษทำเรื่องยื่นฎีกาเพื่อต่อสู้คดีในชั้นศาลฎีกาแล้ว พร้อมได้มอบหมายให้ทนายความส่วนตัวเข้าร่วมกับอัยการจังหวัดศรีสะเกษเพื่อยื่นฎีกาในคดีนี้ด้วย ส่วนผลฎีกาจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับความเมตตาของศาลฎีกา

สำหรับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ภาค 3 ให้จำคุกตนในฐานะจำเลยที่ 2 จำนวน 1 ปีนั้น ถือว่าเป็นการพิจารณาตามกฎหมายของศาลอุทธรณ์ ซึ่งจะขอต่อสู้แก้ข้อกล่าวหาเพื่อขอความเป็นธรรมจากศาลฎีกาในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ต่อไป

“ผมได้ขอให้ท่านอัยการจังหวัดศรีสะเกษยื่นฎีกาเรื่องนี้แล้ว เพราะถือว่าปฏิบัติตามหน้าที่ราชการไม่ใช่เป็นการกระทำด้วยเรื่องส่วนตัว และได้ให้ทนายความส่วนตัวเข้าร่วมยื่นฎีกาด้วยเพื่อต่อสู้ขอความเป็นธรรมในคดีนี้จนถึงที่สุด” นายฉัฐมงคล กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น