ตราด - เผยชีวิตสุดรันทด ฮีโร่เมืองตราด ช่วยชีวิตเด็ก 10 ขวบจมน้ำ ครอบครัวแตกแยก แม่มีแฟนใหม่ยึดอาชีพประมงเลี้ยงชีพ ขณะที่น้องติดเกมส์จนเรียนไม่จบ สุดท้ายทำงานรับจ้างเลี้ยงครอบครัว ก่อนเสียชีวิต
จากกรณีที่นายเจริญชัย ไชยเจี้ย พนักงานบริษัท ซีพีเอฟ จำกัด ได้เข้าทำการช่วยเหลือเด็กชายวัย 10 ขวบที่ลงเล่นน้ำที่อ่าวตาลคู่ขณะที่มีคลื่นลมแรง จนทำให้ตัวเองถูกคลื่นซัดจมหายไปในทะเลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา และพบศพได้ในวันรุ่งขึ้น (2 ส.ค.52) สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับพ่อแม่และญาติพี่น้องเป็นอันมากโดยเฉพาะนางจันทร์หอม สังข์ผาด มารดาของนายเจริญชัย ไชยเจี้ย
โดยในเช้าวันนี้ (4 ส.ค.52) นางจันทร์หอม สังข์ผาด ได้เดินทางมาทำธุระในตัวเมืองตราด และนำภาพถ่ายของนายเจริญชัย ไชยเจี้ย มาทำการขยายที่ร้านถ่ายรูปและได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกเสียใจกับการจากไปของลูกชายเป็นอันมาก และคร่ำควญว่า ไม่อยากให้ลูกจากไป อยากให้ลูกกลับมา เป็นที่น่าสลดใจ
นางจันทร์หอม กล่าวว่า ตนมีบุตร-ธิดารวม 3 คน "เอ็ม" คนที่เสียชีวิตเป็นบุตรชายคนโต ที่เกิดจากนายเจ๋า ไชยเจี้ย แฟนเก่า และตนได้เลิกรากันไปจนมีแฟนใหม่ คนที่ 2 อายุ 12 ปี และคนเล็กอายุ 3 ขวบ น้องเอ็มจบการศึกษาแค่ชั้นประถมปีที่ 6 เรียนต่อในระดับมัธยมปีที่ 1 แต่เรียนไม่จบช่วงนั้นลูกจะติดเพื่อน ติดเกมส์ จนไม่สามารถเรียนได้ จึงต้องหยุดการเรียนไป เมื่อไม่ได้เรียนหนังสือเขาก็ออกไปรับจ้างทำงานทั่วไป ใครจ้างทำ อะไรก็ทำ จนกระทั่งมาได้ทำงานในบริษัท ซีพีเอฟ โดยการนำพาของน้องชาย ซึ่งก็สามารถทำงานได้เพียง เดือนกว่าเท่านั้น ก็มาเสียชีวิต
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา เอ็มจะเป็นคนมีน้ำใจ ทำงานได้เงินมาก็จะซื้อของ หรือแบ่งเงินให้น้อง ๆ และแม่ เดือนไหนทำงานได้มากก็มีแบ่งให้แม่ใช้ หรือหากไม่พอก็จะบอกแม่ว่าเดือนนี้หนูไม่มีให้แม่นะ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้เรียก ร้องอะไรจากลูกเลย”
นางจันทร์หอม กล่าวว่า ตนเองมีอาชีพทำประมงพื้นบ้าน ในแต่ละวันจะมีรายได้วันละ 100-500 บาท แล้ว แต่ว่าวันไหนจะได้มากน้อยขึ้นอยู่กับสัตว์น้ำที่จับได้ในแต่ละวัน เมื่อได้มาก็นำสัตว์น้ำที่ลูกชอบกิน คือ กั้ง กับปูดำ ไปฝากให้เขาได้กินที่บ้านยาย เนื่องจากน้องเอ็มไปพักอาศัยอยู่กับยายที่ ต.หนองโสน อ.เมือง จ.ตราด เมื่อมีเวลา เขาก็ไปเยี่ยมแม่ที่ ต.อ่าวใหญ่บ้าง
“ก่อนหน้านี้ประมาณ 3-4 วัน น้องเอ็มโทรมาหาบอกว่า แม่ หนูอยากกินกั้ง กับปูดำ แม่ได้แล้วเก็บไว้ให้หนู กินบ้างนะ ซึ่งวันเกิดเหตุตนเองได้เดินทางมาจาก ต.อ่าวใหญ่ พร้อมกั้งและปูดำที่ลูกบอกว่าอยากกิน โดยออกจาก บ้านที่อ่าวใหญ่เวลา 15.30 น. โดยขี่รถจักรยานยนต์มาจาก ต.อ่าวใหญ่ เมื่อมาถึงบ้านยายยังไม่ทันลงจาก รถจักรยานยนต์ แม่เดินเข้ามาบอกให้ทำใจนะ ตนเองก็ถามว่ามีอะไร แม่บอกว่าทำใจดี ๆ นะน้องเอ็มจมน้ำที่อ่าว ตาลคู่ และรีบเดินทางไปพร้อมกับแม่ที่อ่าวตาลคู่ทันทีที่ทราบเรื่อง”
“เมื่อไปถึงพบน้องชาย คือนายอดุลย์ ซึ่งเป็นน้องชาย ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตอนที่มาถึงที่อ่าวตาลคู่ นายอดุลย์เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ มีนายเจริญชัย นั่งซ้อนท้าย เมื่อมาถึงยังไม่ทันจอดรถดี ได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย ว่าเด็กจมน้ำ น้องเอ็มได้กระโดดลงจากท้ายรถ ถอดเสื้อออก เหลือเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว วิ่งลงทะเลและคว้า ห่วงยางลงไปด้วย ซึ่งน้องเอ็มก็สามารถส่งห่วงยางให้กับเด็กชายที่กำลังจะจมน้ำได้ ส่วนตัวเองลอยคออยู่ และน้อง ชายก็ได้เข้าไปช่วย แต่คลื่นลมที่แรงได้ซัดเข้าหาทั้ง 2 คนจนแยกออกจากกัน น้องชายถูกน้ำทะเลซัดเข้าไปที่โขดหิน ทำให้ไม่เสียชีวิต ส่วนน้องเอ็มถูกคลื่นซัดจมหายไปต่อหน้าต่อตา”
“ฉันเองเฝ้าภาวนาให้ลูกปลอดภัย จนกระทั่งมืดค่ำก็ยังไม่เจอลูก ก็คิดว่าลูกคงเสียชีวิตแล้วจึงได้หาหมอดู ที่เป็นพระดูดวงให้ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งพระท่านบอกว่าลูกไม่ไหวแล้ว ถูกทับอยู่ที่โขดหิน ซึ่งตอนกลางคืนก็ออกค้นหาอีก รอบแต่ก็ไม่เจอ จนเช้าก็ออกค้นหาอีกและพบศพจน 3-4 โมงเย็น แต่ไม่สามารถนำศพลูกกลับเข้ามาได้ ต้องขอ ความช่วยเหลือไปยังทหารเรือเพื่อนำศพกลับมายังฝั่งในเวลา 18.00 น. เมื่อวานนี้”(3 ส.ค.52)
“น้องเอ็มเขาพูดกับน้าชายเขาว่าอยากไปเที่ยวที่อ่าวตาลคู่จัง ไม่ได้ไปมา 10 ปีแล้ว ซึ่งเมื่อมีโอกาสน้าชาย ก็เลยพาเขาไปเพื่อไปเที่ยวและกินข้าวกัน แต่ลูกและน้องชายยังไม่ได้ทันกินข้าวก็มาเกิดเรื่องเสียก่อน และตอนที่มาเฝ้าลูกเมื่อวันอาทิตย์วันที่เกิดเหตุ วันนั้นกินข้าวเช้ามาเพียงมื้อเดียว พอทราบเรื่องลูก ไม่สามารถ กินข้าวได้ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ได้อธิษฐานบอกกับลูกว่า ลูกเอ็มแม่เองก็ยังไม่ได้กินข้าวเลย เดี๋ยวเราไปกินข้าว พร้อมกันนะ จนกระทั่งเจอศพลูกจึงได้กินข้าวเมื่อวานเย็นนี้เอง”
“ตลอดเวลาที่ผ่านตั้งแต่เล็กจนโต พร่ำสอนลูกให้เป็นคนดี อย่าไปลักขโมยใครเขา มีก็กิน ไม่มีก็ให้อด โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติดอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งที่ผ่านมาแม้ลูกจะมีปัญหาเรื่องเรียน แต่เรื่องอื่น ๆ เขาก็ดี นิสัยใจคอ ของเอ็มเป็นคนขี้เล่น ชอบพูดคุย ไม่ก้าวร้าว เมื่ออยู่กันพร้อมหน้ากับพ่อแม่ก็จะเข้ามากอดและคุยด้วยตลอด”
นางจันทร์หอม กล่าวในตอนท้ายว่า ถึงแม้ตนเองจะต้องสูญเสียลูกชายไปโดยไม่มีวันกลับ แต่ตอนเองก็ ภาคภูมิใจที่ลูกชายเป็นคนมีน้ำใจ ที่ลงไปช่วยเด็กชายคนนั้นจนตัวเองต้องเสียชีวิต
ขณะที่นายฤทธิรงค์ มาติยา บิดาของเด็กชายสุทธิพันธ์ มาติยา เด็กชายที่จมน้ำ กล่าวว่า ลูกชายคือเด็กชาย สุทธิพันธ์ มาติยา ได้เดินทางไปเที่ยวที่อ่าวตาลคู่กับหมอวัลลภ โดยไปกันประมาณ 11 คน ซึ่งรายละเอียดนั้นตนเอง ยังไม่ทราบอะไรมาก เพียงแต่หมอวัลลภมาพูดให้ฟัง ในคืนนี้ซึ่งเป็นการสวดศพคืนแรกตนเองและลูกชายพร้อม หมอวัลลภ จะเดินทางไปร่วมงานด้วย ซึ่งก็รู้สึกเสียใจกับครอบครัวของนายเจริญชัย ไชยเจี้ย ที่มีความเสียสละใน ครั้งนี้