เชียงราย – สมาชิกสภาจังหวัดฯ ลูกสาวสุดรัก “สมบูรณ์ วันไชยธนวงศ์” ส.ส.สัดส่วนเพื่อไทย สวมเสื้อ “ภูมิใจไทย” นำทีมพ่อค้าลำไยนอกพื้นที่ลุยซื้อผลผลิตจากชาวสวน กระตุกราคาลำไยเชียงรายขึ้นทันที จนใกล้เคียงกับราคาที่เกษตรกรชาวสวนลำไยเรียกร้อง จนช่วยให้บรรยากาศการซื้อขายลำไยคึกคักขึ้นทันที ขณะที่จุดรับซื้อลำไยอื่น ๆ ที่มีอยู่ก่อนต้องพลอยปรับราคาขึ้นตามไปด้วย
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (1 ส.ค.)ราคาผลผลิตลำไยในพื้นที่บางแห่งของ จ.เชียงราย ซึ่งเดิมมีราคาตกต่ำโดยเกรดเอเอกิโลกรัมละ 7-9 บาท เกรดเอกิโลกรัมละ 4-5 บาท และเกรดบีกิโลกรัมละ 2-3 บาท ก็ได้กระเตื้องขึ้นเป็นเกรดเอเอกิโลกรัมละ 10 บาท ส่วนเกรดเอและบียังคงอยู่ในระดับประมาณ 5 บาท และ 3 บาทตามลำดับ หลังจากได้มีผู้ประกอบการรับซื้อลำไยจาก จ.ลำพูน เดินทางเข้าไปรับซื้อผลผลิตถึงพื้นที่ โดยตั้งจุดรับซื้ออยู่ที่ตลาดนัดสินค้าราคาถูก หมู่บ้านป่าตาล หมู่ 1 ต.ขุนตาล ทำให้ชาวสวนลำไยในพื้นที่ อ.ขุนตาล และข้างเคียงนำผลผลิตไปส่งที่ตลาดบ้านป่าตาลอย่างคึกคัก เพราะแม้จะไม่ได้ราคาเท่ากับที่เคยเรียกร้องมาก่อนหน้านี้คือ เอเอกิโลกรัมละ 12 บาท เกรดเอ 8 บาทและเกรดบี 4 บาท แต่ก็เข้าสู่ช่วงกลางค่อนปลายฤดูกาลทำให้ต้องรีบขาย
นายประหยัด รักประชา แกนนำชาวสวนลำไย อ.ขุนตาล กล่าวว่า หลังจากกลุ่มชาวสวนลำไยได้ออกมาชุมนุมเรียกร้องทำให้มีการผลักดันให้ภาคเอกชนเข้าไปรับซื้อผลผลิตจากชาวสวนลำไยในพื้นที่มากขึ้น โดยกลุ่มการเมืองที่เข้าไปช่วยเหลือกลับมาจากสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ในขั้วของพรรคภูมิใจไทย นำเอกชนที่ประกอบธุรกิจลำไยอบแห้งไปรับซื้อจากชาวสวนโดยตรง แบบไม่ได้จำกัดจำนวนรับซื้อ ทำให้ชาวสวนพากันขนผลผลิตไปขายกันเป็นจำนวนมากเพราะผลผลิตสุกเต็มที่
ซึ่งผลของการไปรับซื้อของเอกชนจาก จ.ลำพูน ดังกล่าวทำให้จุดรับซื้อเอกชนรายอื่นๆ หันมาเพิ่มราคาในระดับเดียวกันหมดแล้วจึงนับว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก และคาดว่าหากเพิ่มจุดรับซื้อเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้ราคาเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ก็ได้
ด้านนายต่วน อินปันส่วน อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118 หมู่ 13 ต.ขุนตาล อ.ขุนตาล กล่าวว่าราคาลำไยที่เกษตรกรต้องการจริงๆ คือเกรดเอเอ กิโลกรัมละ 12 บาท เกรดเอ 8 บาทและเกรดบี 4 บาท แต่เมื่อเราสามารถขายได้ในราคาที่เอกชนไปรับซื้อครั้งนี้ก็ถือว่าต้องขายกันแล้วเพราะถือเสียว่าเสมอตัวไม่เสียหายมากนัก
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับกลุ่มการเมืองที่เข้าไปมีบทบาทในการประสานกับชาวสวนลำไยในพื้นที่ อ.ขุนตาล มาโดยตลอดคือกลุ่มการเมืองในขั้วของนายสมบูรณ์ วันไชยธนวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สัดส่วนภาคเหนือพรรคเพื่อไทย โดยก่อนหน้านี้นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ ส.ส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย ก็เคยไปร่วมกับชาวบ้านที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยกระตุ้นราคาผลผลิตมาแล้ว ล่าสุดพบว่านางอทิติ หนุนนำสิริสวัสดิ์ สมาชิก อบจ.เชียงราย เขต อ.เทิง ซึ่งเป็นลูกสาวของนายสมบูรณ์ ได้เข้าไปพบปะกับกลุ่มชาวสวนเพื่อให้การช่วยเหลือด้านต่างๆ เช่น ประสานกับเอกชนใน จ.ลำพูน จัดหาตระแคลงร่อนลำไย ฯลฯ
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า นางอทิติ กลับใส่เสื้อสีน้ำเงินของพรรคภูมิใจไทย ออกพบปะกับชาวสวนร่วมกับทีมงานอีกหลายคนด้วย
อย่างไรก็ตามทั้งหมดหลีกเลี่ยงที่จะระบุถึงนายสมบูรณ์ และนายรังสรรค์ ว่าจะย้ายจากพรรคเพื่อไทยไปอยู่พรรคภูมิใจไทยหรือไม่
นางอทิติ กล่าวว่า ตนได้ประสานและรับแจ้งกลับจากสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทยว่าจะส่งเครื่องร่อนลำไยจำนวน 8 เครื่อง ตะกร้าใส่ผลไม้จำนวนมากไปติดตั้งในพื้นที่ อ.ขุนตาล จากเดิมที่มีอยู่เพียง 2 เครื่อง ขณะเดียวกันก็แจ้งว่าจะขยับราคารับซื้อให้สูงขึ้นได้หากราคาตามกลไกตลาดขับขึ้นก่อน ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้ในระดับหนึ่ง แต่หากจะแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาวชาวสวนก็ควรจะจัดตั้งเป็นรูปแบบสหกรณ์เพื่อเป็นกลไกต่อรองราคาและรักษาผลประโยชน์ของชาวสวน
อย่างไรก็ตามทนายประสิทธิ์ รักแม่ ประธานสหกรณ์ลำไยขุนตาล กล่าวว่า ด้วยราคาที่ไม่ได้สูงขึ้นถึงระดับที่ชาวสวนได้เรียกร้องมาก่อนหน้านี้ ทำให้มีชาวสวนลำไยบางส่วนขนผลผลิตไปส่งขายที่เอกชนรายใหญ่ที่ จ.เชียงใหม่ เพราะที่เชียงใหม่ให้ราคารับซื้อสูงโดยเกรดเอเอกิโลกรัมละ 11 บาท เกรดเอ 7 บาทและเกรดบี 3 บาท โดยต้นทุนทั้งหมดที่ขนไปกับรถบรรทุกอยู่ที่เที่ยวละประมาณ 5,000 บาท ซึ่งเอกชนที่เชียงใหม่ช่วยค่าเหนื่อยให้คันละ 1,000 บาท จากนั้นรับซื้อตามราคาดังกล่าว ก็ทำให้ชาวสวนมีกำไรกิโลกรัมละ 1-2 บาท ถือว่าสามารถอยู่ได้
นายประสิทธิ์ ย้ำว่า แต่จุดยืนมาตั้งแต่ต้นของพวกเราที่จะให้ราคาอยู่ที่ 12:8:4 นั้นก็ไม่ได้ลืมไปเสียเลยทีเดียว โดยจะประสานกับกลุ่มชาวสวนในพื้นที่ อ.แม่สรวย ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกรายใหญ่อีกแหล่งหนึ่งเพื่อกำหนดจุดยืนในการเคลื่อนไหวเรียกร้องไปยังรัฐบาลอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 3 ส.ค.นี้ต่อไป.